จับอีก 1 เสื้อแดงทุบรถนายกฯที่มหาดไทย

จับอีก 1 เสื้อแดงทุบรถนายกฯที่มหาดไทย

จับอีก 1 เสื้อแดงทุบรถนายกฯที่มหาดไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พลเมืองดี แจ้งเหตุ ขณะไปดูมวยในสนามมวย รับอยู่จริงแต่ไม่ได้ทุบ  อภิสิทธิ์ โยนภูมิใจไทยชี้ชะตาชาติชาย ยันภายในพรรคไม่มีกระเพื่อม อ้างยังมีเวลาปรับการทำงาน การันตรี ธีระ สลักเพชร ยังทำงานดียันไม่เคยสัญญาใจ 6 เดือน มั่นใจชี้แจงศาลรธน.ได้ทุกประเด็น เชื่อทางรอดประเทศไทยต้องยอมรับความเห็นต่าง ฝันเห็นการเมืองไทย อีก 10 ปีโตเกินความขัดแย้ง

พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี เปิดเผยว่า วันนี้(19พ.ค.) เมื่อเวลา 21.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเข้าจับกุมนายอรุณ ฉายาจันทร์ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สน.สำราญราษฏร์ คดีชิงทรัพย์ ร่วมกันบุรุก กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้เสียอิสรภาพ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพากอาวุธปืนไปในเมืองและหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจับกุมได้บริเวณหน้าสนามมวยลุมพินี ถ.วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.

พ.ต.อ.สมประสงค์ เปิดเผยอีกว่า หลังจากมีพลเมืองดีเข้าแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนว่าพบบุคคลตามหมายจับคดีทุบรถนายกฯที่กระทรวงมหาดไทย ภายในสนามมวยลุมพินี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงรอกระทั่งมวยเลิกแล้วจับกุมและทำการสอบสวน เบื้องต้นนายอรุณให้การับสารภาพว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวมาทำการสอบสวนที่สน.ลุมพินี ซึ่งจากการสอบสวนนายอรุณให้การรับสารภาพว่าอยู่ในเหตุการณ์วันดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้เป็นคนทุบรถนายกฯ ส่วนที่เข้าแย่งอาวุธปืนจากรปภ.ของนายกฯเนื่องจากเกรงว่า รปภ.คนดังกล่าวจะยิง สำหรับพลเมืองดีที่เข้าแจ้งจะได้รับรางวัลนำจับจำนวน 50,000 บาท

อภิสิทธิ์โยนภูมิใจไทยชี้ชะตาชาติชาย

เมื่อเวลา 18.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการปาฐกถาพิเศษเรื่อง " เมืองไทย ปี 2020" ในงาน " ไอเดียร์ ทอล์ค " หรือ " การบรรยายพิเศษเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ " ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อิทรวิชัย อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก ถึงการพูดคุยกับนายชาติชาย พุคยากภรณ์ รมช.เกษตรฯ เรื่องการปรับ ครม.ว่า ได้พูดคุยและสอบถามว่ามีปัญหาอะไร ซึ่งโดยสรุปก็เป็นปัญหาเรื่องการประสานงานกับพรรคภูมิใจไทย

ตนบอกว่าถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องไปได้คำตอบมาว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไร ขณะเดียวกันตนก็ได้คุยกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยตนได้บอกว่าดีที่สุดคือต้องไปคุยกันว่าอุปสรรคการทำงานอยู่ที่ไหน อย่างไร ถ้าเป็นอุปสรรคที่แก้ก็แก้ ถ้าแก้ไม่ได้ก็มาว่ากันอีกที

เมื่อถามว่าจนถึงตอนนี้พรรคภูมิใจไทยต้องการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของนายชาติชายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ได้ก้าวล่วงไปถึงจุดนั้นเพียงแต่ว่าการทำงานของนายชาติชายเท่าที่ตนติดตามดู ก็เรียบร้อยดี แต่ขณะเดียวกันก็ได้ยินทางพรรคภูมิใจไทยระบุว่าขาดการประสานงาน จึงขอให้ไปคุยกัน ส่วนจะเป็นอย่างไร ก็เชื่อว่าทุกคนมีมารยาททางการเมืองอยู่แล้ว คงจะหาคำตอบได้

ต่อข้อถามว่าแต่นายชาติชายระบุว่าการจะออกจากตำแหน่งหรือไม่ อยู่ที่นายกฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ แต่คงเป็นเรื่องที่นายชาติชายต้องคุยกับพรรคก่อน

ยันปชป.ไม่กระเพื่อมอ้างยังมีเวลาปรับการทำงาน

นายอภิสิทธิ์ ได้ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวกรณีที่มีแรงกระเพื่อมภายในพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนก็อยู่ในที่ประชุมพรรค ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี ไม่มีอะไร ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นที่ออกมาถือเป็นเรื่องธรรมดา พรรคและส.ส.ก็มีหน้าที่ติดตามตรวจสอบการทำงาน ส่วนตนก็ฟังเสียงสะท้อน ส.ส.ก็พูดว่ารัฐมนตรีคนนี้ทำงานดี แต่รัฐมนตรีบางคนอยากให้ปรับเปลี่ยน ซึ่งรัฐมนตรีก็มีหน้าที่รับฟังและปรับปรุง

เมื่อถามว่าแล้วตัวนายกฯรับมาปรับปรุงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า ตนก็ฟังอยู่ แต่บังเอิญไม่ค่อยพูดถึงตนกันเท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่พูดถึงรัฐมนตรีคนอื่น ซึ่งเป็นปัญหาเรื่องการประสานในการรับรู้รับทราบเช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย แต่เราต้องเปิดโอกาสให้คนที่เข้ามาได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าทำงานไปแล้วทำไม่ได้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งรัฐมนตรีหลายคนทำงานได้ดี เช่น รมว.ศึกษาธิการ รมว.สาธารณสุข รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม ที่มีชื่อในข่าวว่าคนในพรรคไม่พอใจ ตนก็เห็นว่าทำงานได้ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯจะนำข้อติติงมาพิจารณาในการปรับครม.หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งที่ตนจะใช้ประกอบในการตัดสินใจ แต่ขณะนี้เพิ่งทำงานกันมาเข้าสู่เดือนที่ 5 ซึ่งตนไม่ได้กำหนดว่าต้องปรับครม.กันวันนี้ พรุ่งนี้ แต่ทุกอย่างต้องมีการประเมินในภาพรวมอยู่ตลอดเวลา โดยใช้ข้อมูลทุกอย่างประกอบกัน ทั้งงานที่ออกมา การสังเกตของตนในการประชุมครม. การประชุมสภาฯ การประชุมในพรรค และเสียงสะท้อนจากฝ่ายต่าง ๆ

ต่อข้อถามที่ว่าสถานการณ์ตอนนี้แค่ปรับเปลี่ยนการทำงานโดยไม่ปรับครม.ก็ได้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ เพราะทุกคนต้องมีการตอบสนองต่อเสียงสะท้อนต่าง ๆ แต่ถ้าปรับการทำงานไม่ได้แล้วยังเป็นปัญหาอยู่ ต้องพิจารณาอีกครั้ง

เมื่อถามว่าในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลได้มีสัญญาจว่าจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งเมื่อครบ 6 เดือนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ไม่มีครับ ไม่เคยพูดถึง 6 เดือน"

มั่นใจชี้แจงศาลรธน.ได้ทุกประเด็น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีการออกพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะก่อนตัดสินใจออกพ.ร.ก.นี้ได้ดูแนววินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และให้มั่นใจว่าการใช้อำนาจในการกู้เงินครั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของความฉุกเฉินและความจำเป็นเร่งด่วน จึงไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาอะไร และที่ประชุม ครม.วันนี้ได้มอบหมายให้ทำคำชี้แจงส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และตอนนี้เราได้เตรียมข้อมูลและทุกอย่างให้พร้อม ทั้งเรื่องการออกพันธบัตร การใช้จ่ายตามโครงการต่าง ๆ ถ้าศาลวินิจฉัยไปในทางที่เราคาดไว้ จะสามารถเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯได้และผ่านออกมาได้ ซึ่งคงใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 1 เดือน

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของการประกาศให้ชะลอการลงทุนที่มาบตาพุดจะส่งผลกระทบกับการลงทุนในพื้นที่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราประกาศให้มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ ซึ่งต้องมีการดูแลเรื่องการวางผัง และกำหนดมาตรการต่าง ๆ ไม่ใช่ให้มีการชะลอการลงทุน แต่การลงทุนจะต้องมีความมั่นใจในเรื่องมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้ลงทุนที่ดีจะสามารถเดินหน้าได้ อีกทั้งมาตรฐานที่ดำเนินการมาก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง จึงไม่คิดว่าจะเป็นอุปสรรคปัญหาอะไร การประกาศให้เป็นเขตควบคุมมลพิษไม่ได้แปลว่าจะเป็นเขตที่ไม่มีการลงทุน

เชื่อทางรอดประเทศไทยต้องยอมรับความเห็นต่าง

อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์ กล่าวในปาฐกถาพิเศษว่า การสร้างเมือไทยในฝันนั้นจะต้อวเริ่มต้นจากเราต้องทำให้ตัวเองพ้นสภาพแห่งการยอมจำนนต่อหลายสิ่งหลายอย่างก่อน หรือมองว่าเราคนเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ อย่างสังคมที่แตกแยกเราคนเดียวคงไม่ไปแก้ไขอะไรได้ หรือเศรษฐกิจแย่ก็ต้องรอให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้นก่อนถึงจะแก้ไขอะไรได้ ซึ่ง 10 ปีข้างหน้าจะทำให้การเมืองไทยเป็นอย่างไรนั้นตนก็อยากเห็น 2 สิ่งคือ

1.ประเทศไทยและการเมืองไทย เติบโตไปกว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในวันนี้ และการเมืองจะต้องตอบโจทก์ประชาชนได้ ซึ่งนักการเมืองก็ต้องมีความรู้ความสามารถและวิสัยทัศน์ 2 .ต้องการให้นักการเมืองซื่อสัตย์ และมีความรับผิดชอบ รวมทั้งมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติต่าง ๆ มาได้อย่างไม่สามารถที่จะอธิบายได้ ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้มีการวางแผนอะไร เป็นการผ่านพ้นมาได้แบบไม่มีเหตุผลหรือที่เรียกว่ามั่วจนสำเร็จ แต่เราไม่รู้ว่าจะโชคดีอย่างนี้อีกกี่ครั้ง ดังนั้นเราควรที่จะเริ่มตั้งหลักในยุคที่เรามีเครื่องมือเครื่องไม้สมบูรณ์ที่สุดกว่าทุกสมัย โดยใช้ 2 ข้อคือ 1 .การยอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่าง หลากหลาย และ 2 .ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นในสังคม มาเป็นตัวนำในการแก้ไขปัญหา

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook