ชาวเน็ตสงสัย "คนไข้อ้างหมอข่มขืน" ขณะตรวจภายใน ถามแยกของจริง-ของปลอมไม่ออก?
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเข้าไปแสดงความเห็นในโพสต์ของเพจ ทนายนิด้า ที่โพสต์เล่ากรณีสาวคนหนึ่งอ้างว่า ถูกหมอข่มขืนขณะตรวจภายใน และภายหลังมีการเสนอเงิน 50,000 บาท เพื่อจบเรื่อง ซึ่งชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยต่อสาวเคราะห์ร้ายหลายจุด เนื่องจากโพสต์ที่ทนายอิสระเล่า ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก
>> ทนายดังแฉ หมอล่วงละเมิดทางเพศคนไข้ขณะตรวจภายใน แถมยื่นจ่าย 5 หมื่นขอจบเรื่อง
แยกของจริง-ของปลอมไม่ออก?
ประเด็นที่ชาวเน็ตสงสัยกันส่วนใหญ่ ก็คือ สาวคนนี้แยกไม่ออกเลยหรือ ว่าสิ่งที่สอดใส่เข้ามาในอวัยวะเพศของตัวเองขณะเข้ารับการตรวจจากแพทย์รายดังกล่าว เป็นของจริงหรือของปลอม เพราะสัมผัสและความรู้สึกที่ได้รับจะต่างกันมาก
ไม่ใช่แค่นั้น ปกติแล้วการตรวจภายในมักไม่วางยาสลบ คนไข้จะรู้ตัวตลอด และจะต้องเห็นว่าหมอยืนอยู่จุดใด ถ้าหากหมออยู่ด้านข้าง ก็จะไม่มีสิทธิ์สอดใส่ของจริงเข้ามาได้
นอกจากนี้ หลายคนยังมีข้อสงสัยว่า ถ้าหากตรวจภายในโดยไม่ได้ขึ้นเตียงที่มีขาหยั่ง ก็อาจเป็นไปได้ว่าเข้ารับการตรวจกับสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือคลินิกเถื่อนมากกว่า
ต้องมีบุคคลที่ 3 อยู่ตลอดตรวจภายใน
ชาวเน็ตหลายคนก็ค่อนข้างแน่ใจว่า สถานพยาบาลที่คนไข้รายนี้ไปตรวจ ไม่น่าจะได้มาตรฐานนัก เพราะการตรวจภายในโดยปกติ จะต้องมีบุคคลที่ 3 อยู่ด้วยตลอด และไม่มีทางปล่อยให้หมอกับคนไข้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด หรือการกล่าวหากันและกัน อย่างที่เกิดขึ้นในกรณีนี้
สวมถุงยางอุปกรณ์ตรวจเป็นเรื่องปกติ
อีกประเด็นหนึ่งที่ชาวเน็ตสงสัย คือ คนไข้เชื่อว่าหมอข่มขืนตน เพราะมีการใช้ถุงยางอนามัยขณะตรวจ ซึ่งชาวเน็ตก็ออกมาบอกว่า หมอใช้ถุงยางอนามัยสวมอุปกรณ์ตรวจภายในอยู่แล้ว เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้กับคนไข้หลายคน จึงต้องมีการป้องกันการแพร่เชื้อโรค แต่การที่คนไข้รายนี้ไม่ทราบว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ทำให้เชื่อได้ยากขึ้นว่าเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
อีกฝั่งชี้พฤติกรรมหมอน่าสงสัย
อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตอีกฝั่งหนึ่งเชื่อว่า หมอน่าจะสอดใส่ของจริงขณะตรวจภายใน เพราะหมอแสดงอาการกินปูนร้อนท้อง ด้วยการเสนอเงิน 50,000 บาทเพื่อจบเรื่องนี้ เหตุนี้ทำให้มองได้ว่า ถ้าหากหมอมั่นใจว่าตนไม่ผิด ก็คงฟ้องคนไข้ไปแล้ว แถมหมอยังพิมพ์ตอบในแชทกับคนไข้เองด้วยว่า "ขอโอกาสให้หมอได้ใช้ความรู้รักษาคนไข้ต่อไป"
(โพสต์ต้นเรื่อง)