เช็คบิลแก๊ง “อาธง” ขาใหญ่นิคมฯ ย่านลำพูน-ยึดยาบ้ากว่า 4 แสนเม็ด

( 16 พ.ย. 61 )  ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมตัว นายพงศกร อายุ 31 ปี ชาวอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน , นางสาวสุกัญญา  อายุ 23 ปี และ นางสาวพัชราวรรณ  อายุ 20 ปี ชาวจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า จำนวน 408,400 เม็ด นำตัวมาสอบสวนที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่

การจับกุมครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ได้ออกกวาดล้างจับกุมเครือข่ายค้ายารายย่อยในพื้นที่จังหวัดลำพูน ได้กว่า 20 ราย ซึ่งเกือบทุกรายก็ซัดทอดไปที่นายพงศกร ว่าเป็นคนกระจายยาบ้ารายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดลำพูน

ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบว่า นายพงศกร มีภรรยาเปิดร้านขายเสื้อผ้าบังหน้า ในพื้นที่บ้านสันป่าฝ้าย ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปซุ่มอยู่ กระทั่งพบนางสาวสุกัญญา และ นางสาวพัชราวรรณ เดินทางรับยาบ้าบางส่วนจากนายพงศกร เพื่อนำไปขายให้กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่จังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้นและจับกุมทั้งหมดได้พร้อมของกลาง

จากการสอบสวน นายพงศกร สารภาพว่า เคยติดคุกในข้อหาฆ่าผู้อื่น เมื่อปี 2551 โดยก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงครูชายคนหนึ่งในจังหวัดลำพูนจำนวน 11 แผลจนเสียชีวิต ก่อนนำศพยัดไว้ในตู้เสื้อผ้าและหลบหนีไป แต่ถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้ จากนั้นติดคุกอยู่ 7 ปี ก็พ้นโทษออกมาเมื่อปี 2558 โดยระหว่างที่ติดคุกอยู่ได้รู้จักกับผู้ต้องขังในคดียาเสพติดจนสนิทสนมกัน

ต่อมาเมื่อพ้นโทษก็ไม่มีงานทำ จึงได้รับการชักชวนจากเอเย่นต์ยาบ้าในพื้นที่ให้รับยาบ้าไปขาย โดยมีหัวหน้าแก๊งชื่อ "อาธง" อยู่ประเทศเพื่อนบ้านที่พ้นโทษมาพร้อมกัน ซึ่งอาธง จะให้คนลำเลียงยามาวางไว้ในป่า ในเขตจังหวัดลำพูน ครั้งละ 4-5 แสนเม็ด แล้วจะโทรประสานให้ตนเองไปนำยาบ้าส่งให้ลูกค้าต่ออีกทอด ได้รับค่าจ้างครั้งละ 2 – 3 หมื่นบาท ขณะที่ยาบ้าส่วนหนึ่งก็จะเก็บไว้เสพเองด้วย

พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เร่งรัดการปราบปรามแก้ไขยาเสพติด และการลดการแพร่ระบาดยาในสถานศึกษา และ โรงงานอุตสาหกรรม ชุดสืบสวนภาค 5 จึงเร่งปราบปรามและจับกุมเอเย่นต์ยาบ้าในพื้นที่จังหวัดลำพูน ซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่กว่า 100 แห่ง และมีผู้ใช้แรงงานมากถึง 1 แสนคน

การจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นการจับกุมเอเย่นต์รายใหญ่ที่เป็นผู้กระจายยาบ้าในพื้นที่จังหวัดลำพูน ขณะเดียวกันก็จะมีการขยายผลไปถึงเครือข่ายที่เป็นผู้ส่งยาบ้าให้ผู้ต้องหารายนี้ รวมทั้งจะบูรณาการร่วมกับสถานประกอบการและโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาบ้าในกลุ่มผู้ใช้แรงงานต่อไป