วัดดังราชบุรีแจงดราม่า "งานวิ่งโพธาราม" เละตุ้มเป๊ะยิ่งกว่าเด็กประถมจัด

วัดดังราชบุรีแจงดราม่า "งานวิ่งโพธาราม" เละตุ้มเป๊ะยิ่งกว่าเด็กประถมจัด

วัดดังราชบุรีแจงดราม่า "งานวิ่งโพธาราม" เละตุ้มเป๊ะยิ่งกว่าเด็กประถมจัด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตัวแทนวัดพระศรีอารย์ ออกโรงชี้แจงดราม่างานวิ่งโพธาราม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดนวิจารณ์หนักไม่มีความเป็นมืออาชีพในการจัดงาน ซุ่มปล่อยนักวิ่งสุดเชย เก็บน้้ำดื่มทั้งที่วิ่งยังไม่จบ

(20 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกระแสการการจัดงานวิ่งแห่งหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นร้อน ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์วิพากษ์วิจารณ์งานวิ่ง "Smart Charity Run Photharam Half Marathon 2018" ซึ่งจัดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นการจัดเพื่อนำรายได้สนับสนุนโครงการศูนย์เรียนรู้เพื่อการฟื้นฟูและสงเคราะห์ชุมชน ด้านสุขภาพอนามัย สำหรับผู้สูงอายุ ผู้ทุพพลภาพ วัดพระศรีอารย์

โดยงานวิ่งครั้งนี้มีการจัดแบ่งประเภทการวิ่ง 3 ประเภท คือ Fun Run ระยะทาง 5.5 กิโลเมตร, Mini Marathon ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร และ Half Marathon ระยะทาง 21.5 กิโลเมตร พร้อมทั้งขึ้นป้ายและทำสื่อประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทาง ระบุข้อความว่า สามารถสมัครได้ที่ วัดพระศรีอารย์ พร้อมระบุหมายเลขโทรศัพท์ และ เว็บไซต์ ซึ่งเจ้าของเฟซบุ๊กระบุว่า เป็นการจัดงานไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีการดูแลความปลอดภัยให้กับนักวิ่ง

นอกจากนี้ยังตั้งคำถามไปยังผู้จัดงานที่กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ โดยผู้โพสต์ได้ระบุเหตุผลที่สงสัยในตัวผู้จัดกิจกรรมเกี่ยวกับเรื่องเงินบริจาคและประเด็นอื่นๆ หลายข้อ เช่น

1. ค่าสมัครวิ่ง Half 600 บาท Mini 400 บาท Fun 300 บาท จำนวนคนสมัครประมาณ 500 คน ทำไมถึงจัดงานได้แค่นี้
2. เงินค่าส่งไปรษณีย์ จำนวน 50 บาท ผู้จัดงานบอกว่าจะจัดส่งบิบและเสื้อให้ก่อนวันงาน 2 สัปดาห์ แต่พอใกล้ถึงวันให้ไปรับเสื้อเอง เงินเอาไปไหน
3. ซุ้มจัดงานจ้างเด็กประถมหรือ ป้ายบอกเวลาไม่มีเป็นแค่ซุ้มลูกโป่งธรรมดา
4. นักวิ่งระยะ Half Marathon ไม่มีเกลือแร่ให้ ไม่มีผลไม้ให้นักวิ่ง
5. จุดน้ำดื่มทุกจุดไม่มีน้ำแข็งให้
6. ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือกันรถที่วิ่งสวนมาทั้ง 21 กิโลเมตร
7. นักวิ่งคนสุดท้ายไม่มีรถปิดขบวน
8. เมื่อนักวิ่งคนสุดท้ายเข้าถึงเส้นชัย ผู้จัดงานเก็บของหนีกลับไปหมดแล้ว
9. ผู้จัดงานอ้างว่านำเงินเข้าวัดพระศรีอารย์ทุกบาทจริงหรือไม่
10. น้ำดื่มขาดตั้งแต่กิโลเมตรที่ 16 ทิ้งเหลือไว้แต่โต๊ะกับแท็งค์น้ำดื่มให้ดูเล่น
11. ก่อนวันงานวิ่งเสื้อและบิบยังไม่ได้ เพิ่งได้ตอนเช้าของงานวิ่ง ซึ่งนักวิ่งบางคนป้ายก็ไม่ตรงระยะและตรงรุ่น อายุ
12. ถ้วยรางวัลคือพระ?
13. ไม่เห็นมีรถพยาบาล หรือจุดพยาบาลนักวิ่ง สเปรย์ฉีดไม่ต้องถามถึงเพราะไม่มีให้
14. ประธานมาปล่อยตัวนักวิ่งสาย นักวิ่ง 21 กิโลเมตร ถูกปล่อยตัวตอน 05.45 น.
15. ไม่มีคนมาเช็คอินนักวิ่ง ไม่เจ้าหน้าที่ นักวิ่งต้องเช็คอินกันเอง
16. ถามผู้จัดงานบอกถ้าเกิดอุบัติเหตุใครรับผิดชอบ ตอบกลับมาว่า "ถ้าตาย ไปเผาฟรีวัดพระศรีอารย์"
17. จะคืนเงินให้ 600 บาท คืนให้คนทั้งงานดีกว่าไหม ที่เสียไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้

news13-1ซุ้มปล่อยตัวนักวิ่งและจุดรับน้ำดื่มที่ถูกวิจารณ์ดุเดือด

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่ วัดพระศรีอารย์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี พบกับ นายวิเชียร ภู่ระหงษ์ ผู้ประสานงานและเป็นตัวแทนของเจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์ เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายวิเชียร เปิดเผยว่า จากกรณีที่เป็นข่าวผ่านสื่อต่างๆ วันนี้ตนเพิ่งจะทราบเรื่องจากผู้สื่อข่าวที่ติดต่อเข้ามา จึงได้รีบประสานไปยังประธานผู้จัดงานวิ่ง โดยที่ตนเองในโครงการวิ่งดังกล่าวมีตนเป็นรองประธานจัดงานวิ่งในครั้งนี้ และก็รู้สึกตกใจ อีกทั้งยังหวั่นในใจอยู่ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะต้องเป็นเรื่อง

โดยขอให้ทางประธานและทีมผู้จัดได้เริ่งรีบชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งสรุปค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อที่จะได้เรียนให้ทางเจ้าอาวาสทราบ พร้อมทั้งชี้แจงให้ทางผู้เสียหายรวมไปถึงสื่อต่างๆ ได้ทราบต่อไป ในส่วนประเด็นที่มีการโต้กันระหว่างนักวิ่งกับผู้จัด

ส่วนกรณีที่มีการถามผู้จัดงาน บอกถ้าเกิดอุบัติเหตุใครรับผิดชอบ ตอบกลับมาว่า ถ้าตาย...ไปเผาฟรีวัดพระศรีอารย์ เรื่องนี้ตนและทางวัดไม่ทราบเรื่องจริง ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยเบื้องต้นทางวัดขอน้อมรับและขอโทษกับทางผู้เสียหาย พร้อมทั้งจะเร่งตรวจสอบกับทางผู้จัดถึงข้อเท็จจริงและให้ออกมาชี้แจงโดยด่วนเช่นกัน

นายวิเชียร กล่าวต่อว่า สำหรับงานวิ่งครั้งนี้ มีจุดปล่อยตัวค่ายหลวงบ้านไร่ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี โดยที่ตนเองได้นำทีมงานไปช่วยกันอำนวยความสะดวกเริ่มต้นตั้งแต่การทำเอกสาร การทำหนังสือต่างๆ พร้อมทั้งจัดเตรียมสถานที่บางจุด รับผิดชอบเรื่องน้ำดื่ม แต่ไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดของงาน ทางวัดเป็นเพียงผู้ที่อำนวยความสะดวก เพราะเห็นว่ามาช่วยกับทางวัด

โดยที่ผ่านมาทางผู้จัดก็เข้ามาร่วมทำบุญกับทางวัดบ่อยครั้ง อีกทั้งทางวัดมีผู้สูงอายุและผู้ทุพพลภาพ และมีการจัดกิจกรรมเพื่อหารายได้นำมาพัฒนาและช่วยเหลือผู้สูงอายุเป็นประจำ โดยในครั้งนี้ผู้จัดอยากมาร่วมทำกิจกรรมเพี่อหารายได้มาสนับสนุน ตามที่ปรากฏเป็นสื่อต่างๆ ในวันงานตนก็จัดหาน้ำมาไว้บริการตลอดยืนยันว่าไม่มีน้ำขาดอย่างแน่นอน เพราะตนเองตามเก็บแท็งค์น้ำ จนถึงนักวิ่ง 2 กลุ่มสุดท้าย โดยกลุ่มแรกมีนักวิ่งชาย 1 คน หญิง 2 คน

news13-2

ตามมาด้วยนักวิ่งกลุ่มสุดท้าย มีนักวิ่งชาย 2 คน ที่ปิดท้ายการวิ่ง จึงได้ตามไปเก็บแท็งค์น้ำทั้งหมด ยืนยันได้ว่าน้ำไม่ขาดอย่างแน่นอน แต่อาจจะเป็นจุดที่นักวิ่งหมดหรือน้ำหมดกะทันหัน ทีมงานไปหาเติมให้ไม่ทัน ซึ่งตรงนี้ตนก็ต้องขออภัยม

ส่วนที่ถามเรื่องรถพยาบาลหรือรถมูลนิธิในวันงานวิ่ง มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิคอยดูแลอยู่ พร้อมทั้งมีรถพยาบาลวิ่งตรวจสอบตลอดเวลา แต่อาจจะมองว่ากำลังน้อย ในบางจุดไม่มีเจ้าหน้าที่ไปประจำการ ซึ่งก็ต้องให้ทางผู้จัดออกมาชี้แจงอีกครั้ง

ทั้งนี้ นายวิเชียร กล่าวว่า ในส่วนเรื่องเงินนั้นทางวัดยังไม่ได้รับชี้แจง ซึ่งต้องรอให้ทางผู้จัดและทีมบัญชีออกมาชี้แจงทั้งรายรับและรายจ่ายทั้งหมด ส่วนจะมอบกันอย่างไรต้องรอการยืนยันอีกครั้ง ส่วนตนมองว่ารายรับที่ประมาณการเอาไว้ น่าจะประมาณ 300,000 บาท เพราะมีผู้มาสมัครวิ่งราวๆ 300 คน มีเด็กนักเรียนมาวิ่งด้วย แต่ไม่ได้คิดค่าสมัคร

รวมไปถึงประชาชนผู้ที่เดินทางมาและอยากร่วมวิ่งหลังจากที่เราทงทะเบียนไปแล้ว เราก็ให้วิ่งกันไปแบบฟรีๆ โดยที่ไม่ได้เก็บค่าสมัคร สำหรับค่าสมัครจะอยู่ที่ 300-600 บาท ส่วนทางผู้ที่สนับสนุนมารายใหญ่เท่าที่ตนทำหนังสือไปขอความอนุเคราะห์มา 3 ราย รายละ 10,000 – 20,000 และ 50,000 บาท รวมประมาณ 80,000 บาท

ส่วนประเด็นอื่นๆ คงต้องรอให้ทางประธานและทีมงานผู้จัดงานได้ออกมาชี้แจงให้ทราบต่อไป เพราะบางประเด็นเราตอบไม่ได้ เพราะทางวัดทำได้เพียงแค่สนับสนุนเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าสมัคร เงินค่าส่งไปรษณีย์ หรือซุ้มจัดงานที่ดูไม่สวยงาม และอีกหลายประเด็น เบื้องต้นได้สอบถามและอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการตรวจสอบ แต่หากมีการกระทำที่ไม่ชอบมาพากล ก็จะนำเรื่องไปปรึกษากับทางเจ้าอาวาส เพื่อการตัดสินใจในการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook