พ่อแม่คาใจ ครูโรงเรียนประจำปล่อยเด็กพิเศษป่วยนาน จนตายก่อนถึงมือหมอ
พ่อแม่ร้องสื่อ หลังลูกชายซึ่งเป็นเด็กพิเศษ วัย 14 ปี เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา แพทย์เผยเด็กขาดน้ำอย่างรุนแรงและปอดติดเชื้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (22 พ.ย.) ผู้ปกครองนำร่างของ ด.ช.วงศธร หรือ น้องพี อายุ 14 ปี เด็กพิเศษ ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ภายในวัดเขากุมแป ม.6 ต.ช้างขวา อ.กาญจนดิษฐ จ.สุราษฎร์ฯ หลังเด็กรายนี้ได้เสียชีวิตลงด้วยอาการป่วย เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา
ก่อนจะผ่านกระบวนชันสูตร ซึ่งแพทย์ รพ.ทุ่งสง แนะนำให้ส่งศพชันสูตรต่อที่ รพ.มหาราช เพราะคาดว่าเด็กเสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลประมาณ 3-6 ชม. ผู้ปกครองจึงเกิดข้อสงสัยในสาเหตุการเสียชีวิตของลูก
จากการสอบถาม นายประพันธ์ อายุ 38 ปี และ นางสาวพัชรินทร์ อายุ 43 ปี พ่อและแม่ของเด็ก เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุลูกกลับมาอยู่บ้านตอนช่วงปิดเทอมก็ปกติดี ก่อนจะไปส่งเข้าโรงเรียนประจำในวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา
จนมาทราบจากครูในวันที่ 19 พ.ย.ว่าน้องป่วยหนักมาก จึงต้องรีบไปหาลูกที่โรงเรียน แต่เมื่อไปถึงโรงเรียนไม่เจอลูกแต่เพื่อนลูกบอกว่าน้องพี ได้เสียชีวิตแล้ว จึงรีบตามไปที่รพ.ทุ่งสง เมื่อสอบถามครู ครูไม่ได้แจ้งว่าเด็กเสียชีวิต บอกแค่ว่าดูแลอย่างดี จึงขอพบลูกและพบว่าลูกเสียชีวิตแล้ว ในสภาพที่ตัวแข็งและเย็น
ซึ่งครูก็มาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าน้องพีป่วยตั้งแต่วันศุกร์ และได้พาไปที่รพ.กาชาด เพื่อดูอาการและหมออนุญาตให้กลับโรงเรียนได้ หลังจากครูก็ได้ติดแม่แต่แจ้งว่าติดต่อไม่ได้ จนมาติดต่อได้อีกครั้งในวันจันทร์ ตอนประมาณ 14.00 น. พร้อมบอกว่าน้องป่วยหนักจึงรีบไปหาทันที
ซึ่งข้อนี้ทำให้เราติดใจเพิ่มขึ้นว่า ทำไมละเลยปล่อยให้ลูกนอนป่วยถึง 3 วัน โดยไม่นำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา ทั้งที่โรงพยาบาลใช้ระยะเวลาเดินทางไม่เกิน 10 นาที เพราะตั้งอยู่ห่างจากโรงเรียนไม่น่าจะเกิน 1 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียดของ รพ.มหาราชอีกครั้งถึงการเสียชีวิตของลูก
เบื้องต้น ทางผู้ปกครองบอกว่าแพทย์ได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวว่าเด็กขาดน้ำอย่างรุนแรงและปอดติดเชื้อ ซึ่งอาจเกิดจากการไม่ได้กินอะไรและขาดเกลือแร่ อีกทั้งทางโรงเรียนยังปิดบังการเสียชีวิต และไม่ยอมรับความจริง จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชาย ที่เสียชีวิตในครั้งนี้ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์กับครอบครัวอื่น
ทั้งนี้ นายประพันธ์ อายุ 38 ปี และ นางสาวพัชรินทร์ มีอาชีพทำสวนสนุกเคลื่อนที่ตามงานวัดต่างๆ และไว้ใจให้ลูกไปเข้าเรียนเพื่อพัฒนาทักษะให้กับเด็กพิเศษอย่างถูกต้อง หวังให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในอนาคต
ซึ่ง น้องพี ก็ถือเป็นเด็กพิเศษที่ได้รับการพัฒนาจนสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน ในด้านการร้องเพลงจนได้รับรางวัลระดับประเทศและระดับเขต ซึ่งขณะนี้ทางโรงเรียนได้ให้การช่วยเหลือเป็นข้าวสารสองกระสอบ พวงหรีด และเงินค่าขนส่งศพกลับบ้าน พร้อมร่วมงานศพและแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิตของน้องพี