หนีตายจ้าละหวั่น-เพลิงไหม้ "ศาลาการเปรียญ" วัดดังบุรีรัมย์วอดทั้งหลัง สูญกว่า 10 ล้าน
เกิดเหตุเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญทรงไทยไม้สักสร้างมาเกือบ 20 ปีในวัดดัง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ พระ เณร เด็กนักเรียนแตกตื่นวิ่งหนีตายจ้าละหวั่น ดับเพลิงระดมรถน้ำเข้าฉีดสกัดอย่างโกลาหล สูญกว่า 10 ล้านบาท เบื้องต้นคาดไฟฟ้าลัดวงจร
(25 พ.ย.61) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.ท.สิทธิ์ หวังสุขกลาง รอง ผกก.สอบสวน สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญทรงไทย วัดโพธาราม บ้านผักหวาน ตำบลถนนหัก อำเภอนางรอง
จึงได้รายงาน พ.ต.อ.ภัควัต ธรรมดี ผู้กำกับการ สภ.นางรอง ทราบ พร้อมได้ประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทั้งเทศบาลเมืองนางรอง อบต. และหน่วยกู้ชีพ กู้ภัยฯ ใกล้เคียง ร่วมเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้ศาลาการเปรียญอย่างรุนแรง จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดดับเพลิงได้เร่งช่วยกันระดมฉีดน้ำดับไฟที่โหมลุกไหม้ศาลาการเปรียญกันอย่างโกลาหล แต่ก็ไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
เนื่องจากบริเวณชั้นสองของศาลาการเปรียญสร้างด้วยไม้เก่าแก่ และหลังจึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
แต่ข้าวของเครื่องใช้ของพระ เณรที่เก็บไว้ภายในศาลา รวมถึงตัวศาลาถูกเพลิงไหม้วอดเสียหายทั้งหมด เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ซึ่งศาลาการเปรียญดังกล่าว เป็นศาลาเก่าแก่สร้างด้วยไม้สักเกือบทั้งหลัง ตั้งแต่ปี 2544 โดยพระ เณร ทุกรูปจะจำวัดในศาลาหลังนี้ รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ด้วยซึ่งถูกเพลิงไหม้เผาวอดเสียหายทั้งหมด แต่โชคดีที่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
จากนั้นนายยุทธนา พิทยานันทกุล นายอำเภอนางรอง นายธนศักดิ์ ปุ่นประโคน ปลัดอาวุโสอำเภอนางรอง นางราวัลย์ เรือโป๊ะ นายก อบต.ถนนหัก ก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเอง
พร้อมทั้งให้ตรวจสอบข้าวของทรัพย์สินที่ถูกเพลิงไหม้เสียหาย เพื่อรายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป
จากการสอบถามที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุ พระครูโพธิธรรมรังสี เจ้าอาวาสวัดโพธารามดังกล่าว ไปรับกิจนิมนต์ไม่ได้อยู่วัด แต่มีพระลูกวัดกำลังสอนหนังสือเด็กนักเรียนอยู่ด้านล่างของศาลาหลังดังกล่าว
ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดบริเวณชั้นบนพระจึงวิ่งขึ้นไปดู ก็เห็นไฟลุกไหม้ศาลาแล้วพยายามจะเข้าไปดับแต่ไม่สามารถดับได้ เพราะเพลิงโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง
ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้น่าจะเกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร อย่างไรก็ตามต้องรอผลตรวจจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ