ดราม่าสนั่นโรงเรียนจีน ถกหนักจำเป็นหรือที่ความกตัญญูต้องแสดงออกด้วย “การคำนับ”

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ภาพของเด็กนักเรียนจำนวนกว่า 2,800 คน ในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแห่งหนึ่งในเมืองชิ่งหยาง มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของประเทศจีน ที่กำลังคุกเข่าก้มตัวเอาหน้าผากแตะพื้น ทำความเคารพผู้ปกครองของเขา อันเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรใหม่ที่โรงเรียนเรียกว่า “การศึกษาความกตัญญู” ได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียลจีน

นอกจากนี้ ยังมีคลิปวิดีโอที่เผยให้เห็นว่าโรงเรียนได้เปิดเพลง และกล่าวคำปราศรัยที่กระตุ้นให้พวกเขาตั้งใจเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ดี ซึ่งจะมาถึงในอีกเพียง 200 วัน

ผู้ปกครองหลายคนซาบซึ้งกับการจัดงานครั้งนี้มาก แต่ชาวเน็ตบางส่วนกลับไม่คิดเช่นนั้น และตั้งคำถามกับรูปแบบการจัดงานดังกล่าว

“ทำไมโรงเรียนถึงเลือกวิธีคำนับโบราณแบบนี้ ทั้งที่มีอีกตั้งหลายวิธีที่เด็กๆ จะแสดงความกตัญญูได้” ผู้ใช้เวยป๋อ @zuikudezaia ตั้งข้อสงสัย

“เปลี่ยนเป็นโค้งคำนับเฉยๆ ไม่ได้เหรอ การโค้งคำนับไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความกตัญญูของเด็กที่มีต่อพ่อแม่ได้หรือไง ฉันไม่เข้าใจ” ผู้ใช้เวยป๋อ @shijiu ถาม

แต่ก็มีบางคนที่สนับสนุนความคิดของโรงเรียนเหมือนกัน เช่นคุณ @AAAzeruixin ที่แสดงความคิดเห็นว่า “ไม่เห็นจะต้องมาถกเถียงกันเลย ในเมื่อการคำนับแบบโบราณนี้เป็นประเพณีที่บรรพบุรุษของเราทิ้งไว้ให้ และเรามีหน้าที่ต้องสืบสานมันต่อไปอยู่แล้ว”

ในวัฒนธรรมจีนโบราณ การคำนับโดยคุกเข่าลงเอาหน้าผากแตะพื้น (Kowtow) ถือเป็นธรรมเนียมที่ผู้ที่ด้อยกว่าต้องทำเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ที่สูงกว่า ซึ่งทำกันมานานตั้งแต่ก่อนเริ่มระบบจักรพรรดิแล้ว

ส่วนในยุคปัจจุบัน การคำนับแบบโบราณนี้ก็ยังทำกันอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน เมื่อเด็กๆ หรือหนุ่มสาวกล่าวคำอวยพรผู้ใหญ่ หรือเมื่อรับอั่งเปาจากผู้ใหญ่ ทั้งยังทำในพิธีแต่งงานเมื่อพ่อแม่ของคู่บ่าวสาวให้พรอีกด้วย

นาย เฝิง เจี้ยนจวิน หัวหน้าสถาบันการศึกษาคุณธรรมแห่งมหาวิทยาลัยหนานจิงได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Paper ว่า “การคำนับแบบโบราณนี้เป็นพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งขัดแย้งกับความคิดของผู้คนในยุคสมัยใหม่ที่แสวงหาความเท่าเทียมกัน” ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวจึงกลายเป็นเหมือนการประชาสัมพันธ์โรงเรียนให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ต