"แม่ชี" แจ้งความจับ "แม่ชี" วัดเดียวกัน พูดใส่ร้ายกลางตลาดหาว่ากอดกับพระ
(26 พ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม่ชีจันทร์เพ็ญ ประจำอยู่วัดชุมพรรังสรรค์หรือวัดเหนือ พระอารามหลวง ตำบลนาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วิชัย แสงวิเชียร รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับแม่ชีแป้นซึ่งอยู่วัดเดียวกันในข้อหาหมิ่นประมาท โดยมีแม่ชีอลิสอยู่ในที่เกิดเหตุมาเป็นพยานให้แม่ชีจันทร์เพ็ญผู้เสียหายด้วย
โดยแม่ชีจันทร์เพ็ญ ให้การว่า เช้าวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะตนและแม่ชีอลิสเดินรับบิณฑบาตญาติโยมอยู่บริเวณถนนหน้าตลาดเขตเทศบาลเมืองชุมพร โดยมีโยมเรียกนิมนต์เพื่อจะใส่บาตร มี แม่ชีแป้น (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ซึ่งเดินอยู่ใกล้กันบอกว่าไม่ต้องเข้ามาเขาไม่ใส่ ต่อมาได้ใช้วาจาด่าพร้อมชี้มายังตนต่อหน้าบุคคลอื่นซึ่งเป็นแหล่งชุมชนผู้คนพลุกพล่า นพร้อมทั้งกล่าวหาว่า “แม่ชีนี้กอดกับพระกลางตลาดเลย กอดกันตัวกลม” พร้อมทั้งยังหันไปพูดว่าตนต่อหน้าแม่ชีอลิสอีกว่า “อีแต๋ว (ชื่อเล่นของผู้เสียหาย) มันกอดกับพระตัวกลมบนถนนเลย และมีผัวเป็นพระจริงอยู่ด้วยกันเลยที่วัด แต่ผัวโดนไล่ไปแต่ตัวมันเองไล่แล้วไม่ไป” ซึ่งพูดด่าว่าอยู่นานประมาณครึ่งชั่วโมง
ส่วนแม่ชีอลิส กล่าวว่า "แม่ชีรูปนี้เคยโดนไล่ออกจากวัดไปแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากสาเหตุพูดจาหยาบคาย มือไวใจเร็วชอบเดินขอในตลาด ทุกวันนี้ก็ยังทำและยังด่าพระส่วนพระท่านก็ไม่เอาเรื่อง"
แม่ชีจันทร์เพ็ญ กล่าวอีกว่า การกระทำของแม่ชีแป้นนั้นทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมากซึ่งเป็นการใส่ร้ายป้ายสีโดยไม่เป็นความจริงแม้แต่นิดเดียว ตนจึงเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีเพราะตนบวชเป็นแม่ชีมาแล้ว 10 พรรษา หลังจากสามีได้เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวตนรับไม่ได้กับการด่าว่าใส่ร้ายป้ายสีเพราะจะทำให้ชาวบ้านในตลาดที่มีความศรัทธาเกิดการเข้าใจผิดได้ขณะนี้ตนรับภาระเลี้ยงดูสุนัขที่ถูกปล่อยวัดประมาณกว่า 50 ตัวก็หนักหนาสากันอยู่แล้วอย่าให้มีเรื่องอื่นๆมาทำให้ตนต้องลำบากใจเลย
ด้าน พ.ต.ท.วิชัย แสงวิเชียร รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร เจ้าของคดี เปิดเผยว่าหลังจากรับเรื่องร้องทุกข์สอบสวนผู้เสียหายและพยานผู้เกี่ยวข้องแล้วได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามแม่ชีแป้น คู่กรณีมาสอบสวนแต่เบื้องต้นแม่ชีแป้นให้การปฏิเสธ แต่ด้วยหลักฐานพยานพร้อมจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายอาญา มาตรา 326 ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่ 3 ทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผิดฐานหมิ่นประมาท ฐานต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนอนุญาตให้แม่ชีแป้นเดินทางกลับวัดเพื่อรอเรียกสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง
ต่อมา พระครูสุทัศน์ธรรมชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ทราบเรื่องจึงเรียกแม่ชีทั้งสองเข้าพบเพื่อสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้น โดยแม่ชีแป้นให้การต่อพระครูสุทัศน์แบบพูดจาสับสน และยอมรับว่าพูดจาด่าทอแม่ชีจันทร์เพ็ญต่อผู้คนในตลาดจริง แต่ให้การปฏิเสธต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วยังกล่าวต่อหน้าพระครูสุทัศน์ฯผู้ช่วยเจ้าอาวาสอีกว่า แม่ชีจันทร์เพ็ญยังเคยกอดกันกับพระอีกรูปในตลาดเหมือนกันตอนฝนตกขณะกางร่มให้กัน(ขอสงวนชื่อ)ที่พำนักอยู่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลตากแดด อ.เมืองชุมพร (ขอสงวนชื่อวัด) แต่การให้การของแม่ชีแป้น พระครูสุทัศน์ฯไม่ปักใจเชื่อซึ่งมีการกล่างอ้างถึงพระซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 อีกและไม่มั่นใจในพฤติกรรมของแม่ชีแป้น จึงสั่งให้พระลูกวัดไปตามเจ้าอาวาสของพระที่แม่ชีแป้นกล่าวอ้าง เพราะเป็นจังหวะเดียวกับทางวัดชุมพรรังสรรค์จัดสอบนักธรรมโท-เอก ของพระภิกษุสงฆ์จังหวัดชุมพรจึงมีพระมารวมกันจากทุกที่ โดยเจ้าอาวาสขอยืนยันว่าพระลูกวัดตนไม่ได้เดินบิณฑบาตมานานแล้วเพราะไปอยู่ดูแลแม่ที่บ้าน เป็นไปไม่ได้ที่จะไปยืนกอดกันกลางตลาดตามที่แม่ชีแป้นกล่าวอ้าง
สุดท้ายพระครูสุทัศน์แค้นสอบถามแม่ชีแป้นว่าทำไมถึงได้ไปด่าแม่ชีต่อหน้าชาวบ้านที่กำลังตักบาตซึ่งเป็นการทำให้แม่ชีเขาเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกิดการเข้าใจผิด แม่ชีแป้นตอบว่า “ฉันไม่อยากให้ใครเดินตามหลังฉัน ฉันไม่ยุ่งกับใครแล้วใครอย่ามายุ่งกับฉัน” พระสุทัศน์จึงพูดสวนไปว่า ถ้าไม่คบกันก็เชิญออกจากวัดไปได้เลย เป็นพระเป็นชีต้องอยู่ในศีลในธรรม ถามว่าเรื่องนี้ใครผิดคือผิดทั้งคู่ แม่ชีจันทร์เพ็ญก็ผิดเนื่องจากไม่พูดคุยกับเจ้าอาวาสก่อนแจ้งความเพื่อให้ทางคณะสงฆ์จัดการกันภายใน ส่วนแม่ชีแป้นก็ผิดและเข้าข่ายร้ายแรงเพราะถึงขนาดใส่ความทำให้ผู้อื่นเสียหายจึงเรื่องตำรวจ