"จอย ชวนชื่น" ไม่หวั่นคนมองตกอับ นั่งขายของตามตลาดนัด
เป็นนักแสดงตลกแถวหน้าของวงการบันเทิงเลยทีเดียว สำหรับ จอย ชวนชื่น แต่เพราะวงการตลกไม่ได้รับความนิยมเหมือนเมื่อก่อน ทำให้เธอต้องผันตัวเองจากนักแสดงสู่แม่ค้าขายของตามตลาดนัด
ล่าสุด จอย ชวนชื่น ได้เปิดใจผ่านรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง one 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร
ชีวิตจริงเป็นคนตลกแบบนี้ไหม?
จอย : "ไม่ตลกเลย จะได้เป็นคนที่แบบเงียบๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา เงียบมากจนบางทีคนไม่ค่อยกล้าเข้ามาหาเราเพราะคิดว่าเราเป็นคนดุ หรือดูน่ากลัวอะไรแบบนี้ แต่เวลาอยู่บนเวทีก็จะอีกเรื่องหนึ่ง เพราะนั้นเป็นหน้าที่ มันคือการแสดง แต่ในชีวิตจริงของเราไม่ได้ตลกขนาดนั้น เราไม่ใช่เกิดมาเพื่อตลก แต่เราเกิดมาเพื่อทำให้มันตลก"
เห็นว่าสมัยก่อนงานเยอะมาก?
จอย : "ใช่ค่ะ สมัยก่อนงานเยอะมาก คือรับงานเยอะมากรับจนแบบงงไปหมด บางทีงาน 4-5 งานอยู่ในเวลาที่มันใกล้เคียงกัน จนไม่ไหวแล้ว ละครเกือบ 10 เรื่อง ถ่ายพร้อมกัน แต่เราต้องแบ่งเวลา คือเราไม่ใช่นางเอก เขาก็ไม่ใช้คิวเยอะ อาจจะอาทิตย์นึงใช้วันเดียว แล้วเราก็สลับสับเปลี่ยนกัน อาจจะไปตอนเช้า บ่าย หรือเย็น มืดดึกอะไรก็ว่ากันไป ตอนหลังก็ให้สามีมาช่วยจัดคิวให้แล้วก็ขับรถให้เรา แต่พอมามีลูกก็เลยต้องปล่อยทิ้งทุกอย่างให้กับลูก เพราะว่าเราจะไม่จ้างคน คือเวลาจ้างเราจะไม่รู้ว่าเขาดูแลลูกเราแบบไหน คือมันไม่สบายใจอ่ะค่ะ"
เวลาจะไปทำงาน ทำยังไง?
จอย : "ขับรถไปเอง เมื่อก่อนจะขับรถไม่เป็น พอมีแฟนเริ่มเข้ามาดูแล เราก็อยากจะเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอบ้าง แบบว่าให้เขามาดูแลเรา คือถ้าเราเก่งเกินไปผู้ชายมันจะไม่สนใจ เราต้องคิดแบบนี้ คือจริงๆทำเองมันก็ทำได้นะแต่เราไม่อยากทำ อยากให้เขาดูแลบ้าง"
เวลามีเงินเยอะๆ เคยคิดอยากทำศัลยกรรมหน้าตาตัวเองบ้างไหม?
จอย : "สวยอยู่แล้วไม่ต้องทำ จะทำไปทำไม เพราะเราคิดอยู่แล้วว่าเป็นคนที่ไม่ชอบเจ็บ คือไม่ชอบทำให้ตัวเองเจ็บ แล้วก็จะไม่ทำอะไรเลย มันจะเป็นยังไงก็เรื่องของมัน แต่ว่าไม่ใช่ว่าจะปล่อยตัวไปเลยนะ เราก็ต้องมีการบำรุงเครื่องประทินผิวกันบ้าง แต่จะไม่ไปฉีดไป แต่ง เติม หรือยัดอะไรเข้าไป ต้องบอกว่ากลัวจริงๆ คือตอนนั้นจะไม่มีใครที่หน้าตาสวยที่สุด เราสวยที่สุดแล้วสำหรับตลกนะ เจ็บที่สุดก็ตอนผ่าคลอดลูกที่โรงพยาบาลแค่นั้นเอง เพื่อลูกเรายอมทุกอย่าง"
งานเยอะมาตลอด อยู่ดีๆ งานหายไปเพราะอะไร?
จอย : มันเป็นช่วงที่คนเราเก่าไป ใหม่มามันก็ต้องมีเป็นธรรมดา แล้วมันก็มีอยู่ช่วงหนึ่งจริงๆที่มันสุดๆ คือมันไม่มีจริงๆ ละครไม่มี รายการซิทคอม 15 ปีที่เคยมีอยู่มันก็หายไป แล้วเราก็ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรที่จะมาเจออะไรแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเราไม่มีคนเดียวนะ คนอื่นก็ไม่มีเหมือนกัน แล้วมันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ไม่มีงานเลย คือไม่มีอะไรเลย แล้วเราจะอยู่ยังไง ถ้าเราไม่มีอะไรเลย เราจะเอาเงินเก่าที่เก็บอยู่มากินหรอคือกินกินไปมันก็หมดได้นะ ไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆ ในบ้าน เราเป็นหัวหน้าครอบครัวมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องหาอะไรทำ"
แล้วกลายเป็นแม่ค้าขายของได้ยังไง?
จอย : "คือแรกๆเกิดจากการไปช่วยเขาก่อน พอขายดีเราก็รู้สึกสนุก หลังๆเขาก็เริ่มจะให้เงินเรา แต่เราก็เกรงใจ ไม่อยากจะไปเอาเงินเขา แต่เราก็คิดว่า ถ้าเราไม่ได้เงินเราจะทำยังไงเพราะไหนจะค่าเหนื่อยค่ากิน ค่าน้ำมันที่เราต้องไป เพราะฉะนั้นเราก็คิดที่จะทำอะไรสักอย่าง ไปอยู่คู่กับพี่เขา ตอนแรกๆไม่มีอะไรเลยก็เอาเสื้อผ้าผู้หญิงมาขาย อยู่ใกล้ๆกัน ขายมาขายไปวันนึงรายได้ดีมาก ประมาณ 2-3 หมื่นเลย แล้วส่วนมากเวลาว่างเรามีเยอะ แต่หลังๆเราก็เปลี่ยนมาขายขนม เพราะเสื้อผ้าขายไปเยอะๆมันจม มันก็ได้กำไรแหละแต่มันน้อย พอมันจะหมดเราก็ต้องไปหาเพิ่ม แล้วเงินมันก็ต้องหมุนอยู่อย่างนั้นเราก็ไม่ได้ใช้สักที ก็เลยคิดว่าหันมาขายขนมดีกว่า"
แล้วมีคนที่จำได้ เข้ามาทัก เรารู้สึกอายบ้างไหม?
จอย : "ใช่ค่ะ ก็มีเหมือนกัน บางทีเขาก็พูดตายแล้วดารามาเป็นแม่ค้าแล้วแม่ค้าจะทำยังไง เราก็เลยบอกว่า คุณไม่ต้องทำอะไรค่ะ ขายไปตามปกติของคุณ เพราะว่าเราไม่ได้มาแย่งอาชีพ คือเวลาที่เราว่างเราก็อยากพบปะสังสรรค์ผู้คนบ้าง เวลาเราขายเราก็ให้เขาถ่ายรูป คนที่ชื่นชอบเรา เขาก็มาอุดหนุนเรา เขากินแล้วเขารู้สึกอร่อย เขาก็จะได้ไปบอกต่อ แต่เราก็รู้สึกว่าไม่อายหรอก ขนาด "เทพ โพธิ์งาม" ยังไม่อายแล้วฉันจะอายทำไม การทำมาค้าขาย หรือทำมาหากิน พ่อจะบอกตลอดว่า "อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา" เพราะฉะนั้นทำอะไรได้ทำ อย่าไปงอมืองอเท้า หรือคิดว่าฉันเป็นดารา ฉันจะลงไปขายอย่างนี้ไม่ได้หรอก ไม่จำเป็นเลยค่ะ"
กลัวคนคิดว่าเรา "กำลังตกอับ" ไหม?
จอย : "มันก็มีนะ บางคนเขาก็มาบอกเรา ให้กำลังใจเราคิดว่าเรากำลังตกอับ แต่เราจะไม่ดราม่ากับเขา ใครจะราม่าอะไรยังไงก็แล้วแต่ ฉันสนุกกับการทำงาน เราเป็นคนชอบทำงาน คือทำอะไรก็ได้ อยู่บ้านเฉยๆ 2 วันก็ปวดหัวแล้ว จะเป็นคนแอคทีฟตลอดเวลา ต้องหาอะไรทำ ไม่ชอบอยู่เฉยๆ"
แล้วมาขายน้ำส้มเพื่อสุขภาพ ได้ยังไง?
จอย : "ขายขนมไปสักพักมันก็เบื่อ คนกินบ่อยๆ มันก็เริ่มเบื่อ ก็เลยคิดหาอะไรใหม่ๆ ทำ ก็คิดว่าจะต้องเป็นน้ำแล้วคนกินทุกวัน เป็นเรื่องการรักสุขภาพ เพราะว่าคนสมัยนี้รักสุขภาพกันมากขึ้น ก็เลยกลายเป็นน้ำส้มคั้นสด ไม่ใส่สารกันบูด อยู่ได้ 1 อาทิตย์ แต่ขนมควันโขมงก็ยังอยู่นะ ไม่ได้ไปไหนยังขายอยู่ปกติ แต่แค่เอาอันนี้มาเสริมเฉยๆ วันนึงขายได้เกือบพันขวดนะ ตอนนี้ก็คิดที่จะทำแบบขายส่งด้วย เป็นแบรนด์ของตัวเราเองเลย"
คิดว่าตอนนี้จับทางถูกในชีวิตแล้วหรือยัง?
จอย : "ไม่รู้เหมือนกันว่าจับทางถูกหรือเปล่า ก็ทำไปเรื่อย คือถ้าเทียบรายได้ ถ้าเป็นดาราหรือนักแสดง รายได้มันดีกว่าอยู่แล้ว มันจะไปเทียบแบบนั้นไม่ได้ แต่แบบนั้นมันได้ทุกวัน สามารถออกไปแล้วคว้าเงินได้เลย แค่ต้องขยันหน่อยเท่านั้นเอง แต่ถ้าเป็นดาราเนี่ย มันต้องรอไง งานที่ได้เงินสดมันก็มี ถ้างานที่มันไม่ได้ก็ต้องรอไปอีก 3 4 เดือน กว่าจะได้กลับมาอะไรแบบนี้ มันก็ต้องมีการลงทุนไปก่อน ก็เลยเป็นว่า อะไรก็ได้ที่สามารถทำได้ทำ ถ้ามีงานรายการหรือละครก็ไปทำ ว่างจัดงานละครรายการ ก็ไปขายของ วางแพลนเอาไว้ว่าอาจจะไม่ได้ออกไปทุกวัน แต่ต่อไปอาจจะทำแบบนี้ให้เข้ามารับแล้วเราก็ส่ง หรือไปเปิดบูธเปิดอะไรให้เขาอะไรแบบนี้
เจอสามีตั้งแต่ 5 ขวบจริงหรือเปล่า?
จอย : "คือพ่อเขากับพ่อเราเป็นเพื่อนกัน แล้วพ่อเขาต้องไปเล่นลิเกอะไรแบบนี้ก็เลยเอาลูกมาฝากไว้ แล้วเราก็โตมาด้วยกัน ก็อยู่กันมาหลายปีนะ ตั้งแต่ 5 ขวบจนถึง 10 ขวบแล้วเขาก็มากรุงเทพฯ เราก็ไม่เจอกันเลย มาเจอกันอีกทีก็ตอนที่เราเล่นตลกแล้ว ตอนอายุประมาณ 20 เจอกันแล้วก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ ยังไม่ได้เป็นแฟน ช่วงนั้นเขาก็จะมีผู้หญิงเยอะ เป็นหนึ่งในทีมงานของตลก ส่วนเราตอนนั้นเป็นตลกก็จะคุยกันแล้วก็สนิทมาก"
แล้วมาเริ่มเป็นแฟนกันตอนไหน?
จอย : "ก็คุยกันมาเรื่อยๆ ค่ะ มีอยู่วันหนึ่ง ซึ่งช่วงนั้นเราก็เป็นสาวแล้วด้วย ก็มีคนมาชอบเยอะ แล้วพี่จิ้มก็กลัวว่าเราเนี่ยจะไปเป็นเมียน้อยใคร เพราะเราเองก็ทำเงินได้แล้ว ก็กลัวว่าผู้ชายที่เข้ามามันจะไม่ได้รักเราจริง กลัวจะรักที่เรามีเงิน ก็เลยบอกให้เขานี่แหละมาดูแล คอยคุ้มเราหน่อย คล้ายๆ กับบอดี้การ์ด แล้วเราก็ช่วยสับรางให้เขาด้วย แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปคลิกกันตอนไหน สับไปสับมาก็เลยสับเข้ารางตัวเอง ก็คบกันตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เลย"
อยากจะบอกอะไรกับคุณสามีบ้าง?
จอย : "คือมันอยู่ด้วยกันมาเป็นทั้งเพื่อน พี่ ผัว พ่อ คือสารพัด สรุปเขาก็เป็นคนดีนะ ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่ดีสำหรับคนอื่น แต่ดีสำหรับเรา แล้วเราก็คิดว่าเขาดีที่สุดแล้ว ก็จะดูแลแบบนี้กันต่อไป เพราะเรายังมีลูกที่จะต้องดูแลกันอยู่ และก็ขอให้เขารักเราแบบนี้ตลอดไปแล้วกันนะ"
ติดตามรายการ คุยแซ่บ Show ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บ Show รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ