ระยอง-ชลฯ จับมือบุกทลายโรงงานเถื่อนรีไซเคิลสัญชาติจีน-ทำลายสิ่งแวดล้อม
( 3 ธ.ค. 61 ) ผู้สื่อข่าวรายงาน ถึงภาพเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ ชุด ชรต.112 กอ.รมน. ระยอง ลงพื้นที่ สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.บ้านฉาง ปลัด อำเภอบ้านฉาง จนท.ตำรวจ สภ.บ้านฉาง ตำรวจ สภ.ห้วนใหญ่ จ.ชลบุรี ร้อย รส.ทร.ที่ 2 มว 3 ฐท.สส และ ชรต.ชลบุรี ร้อย รส.ชลบุรี
สนธิกำลังตรวจค้นโรงงานกำจัดของเสีย และรีไซเคิล พบแรงงานต่างด้าว เป็นชาย 12 คน หญิง 5 คน เป็นชาวพม่า รวม จำนวน 17 คน และผู้ประกอบการชาวจีน 2 คน ส่วนผู้ประกอบการชาวจีนอีก 1 คน กระโดดกำแพงหายไป ได้ดำเนินกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต นำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานร่วมกันสนธิกำลังข้ามจังหวัดในรอยต่อติดต่อกัน ของจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง ในพื้นที่ตำบลห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี และตำบลสำนักท้อน จ.ระยอง ซึ่งมีรอยติดต่อ ติดกัน
หลังจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากโรงงานเถื่อนแห่งนี้ ที่สร้างความเดือดร้อนในเรื่องของกลิ่นเหม็นและสารเคมีที่ลงสู่ลำคลองสาธารณะ ชื่อคลองบางไผ่ จนชาวบ้านในพื้นที่ตำบลสำนักท้อน อดทนไม่ไหวร้องขอ เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดให้ได้
นายดิเรก ศรีรัตน์ ปลัดอำเภอบ้านฉาง ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอบ้านฉาง จ.ระยอง กล่าวว่า สำหรับโรงงานแห่งนี้มีความผิดตาม พ.ร.บ.ของอุตสาหกรรม เนื่องจากถูกสั่งปิดโรงงานไปแล้ว แต่ยังละเมิดลักลอบเปิดกิจการดำเนินการอยู่
ซึ่งเป็นการรีไซเคิลขยะพลาสติกและเป็นกากอุตสาหกรรมนำมาคัดแยกจนก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านทั่วบริเวณในพื้นที่ ตำบลสำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง
และจากการลงพื้นที่โรงงานแห่งนี้ พบว่าตั้งอยู่ในพื้นที่ของตำบลสำนักท้อนและตำบลห้วยใหญ่ แต่ชาวบ้านในตำบลสำนักท้อนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากจากกลิ่นและของเสียจากโรงงานแห่งนี้ไหลลงสู่ลำรางสาธารณะ
นายอาทิตย์ อายุ 39 ปี ชาวบ้านในเขตพื้นที่ติดกันกับโรงงานแห่งนี้เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการ ของโรงงานแห่งนี้ ได้กล่าวว่า ชาวบ้านในเขตหมู่ 1 หมู่ 6 หมู่ 4 ในเขตตำบลสำนักท้อน จ.ระยอง และเขตตำบลห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นรอยติดต่อกันได้รับผลกระทบจากกลิ่นของโรงงานแห่งนี้และน้ำเสียลงสู่ลำรางของสาธารณะคลองบางไผ่เป็นผลกระทบที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมาเป็นเวลากว่า 10 ปี แล้ว
นายอาทิตย์ ยังกล่าวอีกว่า การจับกุมในครั้งนี้ที่พบเห็นคนงานต่างด้าว 17 คนนั้นจริงๆ แล้วมีมากกว่านี้ เนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปีนเข้าไปและกำลังตรวจค้นมีแรงงานจำนวนกว่า 10 คนได้หลบหนีไปทางลำรางสาธารณะที่อยู่ติดกัน ซึ่งเป็นป่าหญ้าติดกับคลองบางไผ่ด้านข้างโรงงาน
และเมื่อขณะที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้นในโรงงานแห่งนี้ก็เป็นเหมือนเช่นทุกครั้งคือกระโดดหนีไปในคลอง โดยที่ผ่านมาระยะเวลาเพียง 1 เดือน เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้นถึง 3 ครั้ง และในแต่ละครั้งคนงานต่างด้าวก็จะหลบหนีในลักษณะนี้เช่นเดิม จึงทำให้การตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ในแต่ละครั้งไม่พบผู้กระทำผิด
ซึ่งต่างกันกับในครั้งนี้ที่ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานจู่โจมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้สามารถตรวจค้นโรงงานแห่งนี้และตรวจพบสิ่งผิดกฎหมายได้อย่างที่เห็น ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุตสาหกรรม ที่ได้สั่งระงับให้ปิดกิจการไปแล้ว
นายอาทิตย์ ยังเผยอีกว่า การจับกุมในครั้งนี้ตนเห็นเจ้าของโรงงานที่เป็นชาวจีนได้กระโดดกำแพงหนีไป และที่ผ่านมาก็มีการจะนำเงินเข้ามายัดให้กับตนเป็นหลักแสนเพื่อไม่ให้ไปร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ ของแต่ละจังหวัด
แต่ในส่วนตัวของตนมองว่า ไม่สามารถที่จะรับเงินจำนวนนี้ได้ เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นภาพรวมของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่น เสียง และน้ำเสีย ที่ลักลอบปล่อยลงสู่ลำรางสาธารณะ
ในฐานะที่เป็นคนบ้านฉางมีความรักและหวงแหนในพื้นที่และสภาพแวดล้อม จึงไม่ขอรับเงินดังกล่าว แต่ขอยืนยันว่ามีการเคลียร์ยอมจ่ายเงินจากเจ้าของโรงงานจริงเพราะประสบด้วยกับตัวเอง
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ในครั้งนี้ถือเป็นการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ของ 2 จังหวัด คือ จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี ร่วมกันกวาดล้างโรงงานเถื่อนลักลอบนำวัสดุ กากขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือกากอุตสาหกรรมนำมารีไซเคิล ที่อาศัยรอยติดต่อระหว่างจังหวัด ทำให้การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่มีความก้ำกึ่งกันในเรื่องของพื้นที่ตามแต่อำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน
แต่ว่าเหตุในครั้งนี้ทุกคนทุกหน่วยได้ประสานร่วมกันจนสามารถทำให้ภารกิจในครั้งนี้ตรวจพบและสามารถจับกุมผู้กระทำผิดดำเนินคดีได้
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ