สาวพิษณุโลกร้องสื่อ ถูกสาวเมืองน่านหลอกลงทุนขาย "รถหรู" แต่กลับเชิดเงินหนีหาย

วันที่ 3 ธ.ค. 2561 เมื่อเวลา 11.00 น. น.ส.ฐายิกา อายุ 34 ปี เจ้าหน้าที่ห้องรังสีโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ได้หอบเอกสารและหลักฐานการแจ้งความเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน

กรณีถูก น.ส.แจน นามสมมุติ อายุ 37 ปี ชาว อ.ภูเพียง จ.น่าน หลอกลงทุนเป็นเงินหลายแสนบาท เพื่อจัดหารถยนต์หรูนำมาขายให้กับลูกค้าที่ต้องการ แล้วอ้างว่าจะได้ส่วนแบ่งเป็นผลกำไรจากการลงทุน แต่เมื่อถึงเวลากลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินทุนลงพร้อมกำไรให้ อ้างว่าลูกค้าที่จะมาซื้อรถปฏิเสธหรือเบี้ยวไม่มารับรถที่ได้สั่งจองไว้

นอกจากนี้ยังพบว่า น.ส.แจน ออกอุบายว่าเป็นเจ้าของเต็นท์รถแห่งหนึ่งให้ดูน่าเชื่อถือ แต่พอตรวจสอบข้อเท็จจริงกลับไม่ใช่เจ้าของเต็นท์รถแต่อย่างใด ล่าสุดมีผู้เสียหายหลายรายสูญเงินรวมกันนับล้านบาท

น.ส.ฐายิกา ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองได้รู้จักกับ น.ส.แจน ซึ่งเป็นเพื่อนกันกับนายณัฐวุฒิ พี่เขย ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกันที่ อ.ภูเพียง จ.น่าน โดยชักชวนให้มาร่วมลงทุนจับรถยนต์หรูมาขายให้กับลูกค้า

ซึ่งครอบครัวก็หลงเชื่อเนื่องจากครั้งแรกที่นำเงินมาลงทุนด้วยจำนวน 100,000 บาท เพื่อซื้อรถรุ่น BMW หากขายได้ก็จะแบ่งกำไรให้ 20,000 บาท ซึ่งก็ได้เงินต้นพร้อมกำไรกลับมาจริงๆ รวม 120,000 บาท

จากนั้นก็มีการหาเงินมาลงทุนอีกเรื่อยๆ ซึ่งครั้งที่ 2 เป็นเงินจำนวน 290,000 บาท หากขายได้แบ่งกำไรให้ 50,000 บาท เมื่อถึงเวลากลับ น.ส.แจน กลับแจ้งว่าลูกค้าไม่มารับรถยนต์ที่สั่งจองไว้ จึงต้องนำรถไปขายคืนเต็นท์ จะสามารถนำเงินมาคืนให้ได้

สุดท้ายมีการพูดจาหว่านล้อมให้ลงทุนเป็นครั้งที่ 3 แจ้งว่าทีมงานของตัวเองได้หาคนมาซื้อรถแล้วจำนวน 3 คน แต่ต้องนำเงินไปลงทุนหารถอีก 320,000 บาท พร้อมจะแบ่งกำไรให้ 70,000 บาท แล้วจะมีการคืนเงินที่ลงทุนไปในครั้งที่ 2 รวมกำไรทั้งหมดด้วย แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้

เมื่อ น.ส.แจน บอกว่าลูกค้าปฏิเสธและเบี้ยวไม่มารับรถอีกตามเคย ตนเห็นผิดสังเกตคิดว่าน่าจะถูกโกงจึงติดต่อสอบถามไปยังเต็นท์รถที่ น.ส.แจน ได้ให้นามบัตรไว้ ปรากฏว่าเต็นท์รถดังกล่าวไม่รู้จัก น.ส.แจน แต่อย่างใด และไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย

ก่อนจะโทรไปสอบถามมีการพูดจาข่มขู่หากว่านำเรื่องนี้ไปสื่อมวลชนจะไม่คืนเงินที่นำมาลงทุนด้วยสักบาท ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากเพราะเงินที่นำมาลงทุนนั้นได้ยืมเพื่อนร่วมงานมาหลายคน รวมเป็นเงินจำนวนกว่า 400,000 บาท

ซึ่งหากทางโรงพยาบาลรู้เรื่องก็อาจจะถึงขึ้นไล่ตัวเองออกจากงาน จึงตัดสินใจนำเรื่องไปปรึกษาแม่เพื่อนำโฉนดที่ดินพร้อมรถยนต์ไปจำนองนำเงินมาคืนเพื่อนทุกคน นอกจากนี้ยังมีญาติๆ และคนรู้จักก็ถูก น.ส.แจน ชักชวนมาร่วมลงทุนสูญเงินรวมกันนับล้านบาท

ที่ผ่านมา น.ส.แจน รับปากว่าตนเองว่าจะหาเงินมาคืนให้ทั้งหมด แต่ก็ทยอยใช้หนี้คืนมาบ้างจำนวน 177,000 บาท หรือหนี้อีก 435,000 บาท ที่จะต้องคืนแต่กลับปิดเครื่องโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้อีก

น.ส.ฐายิกา ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้รู้สึกเครียดเป็นอย่างมากที่ต้องทำให้คนรอบข้างได้รับความเดือดร้อนไปตามๆ กัน เพราะตนเองได้ไปหยิบยืมเงินมาลงทุน

เนื่องจากไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อนเห็นว่าได้กำไรงามจึงหลงเชื่อ ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัด วันนี้จึงต้องการออกมาเตือนภัยไว้เป็นอุทาหรณ์ เพราะหลังจากเกิดเรื่องได้นำไปโพสต์ลงในกลุ่มเฟซบุ๊กต่างๆ ปรากฏว่ามีผู้เสียหายที่เคยตกเป็นเหยื่อ น.ส.แจน จำนวนหลายราย

ก่อนจะนำหลักฐานต่างๆ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.หญิง อัจฉรา เรือนเย็น รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก ล่าสุดมีการออกหมายเรียกตัว น.ส.แจน แต่ยังไม่เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ตนจึงตัดสินใจไปร้องทุกข์ไว้ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.พิษณุโลก พร้อมร้องทุกข์กับสื่อมวลชนช่วยเป็นกระบอกเสียงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้เสียหายทั้งหมดต่อไป