หนุ่มแสบเพิ่งพ้นโทษ เปิดอู่รถยนต์บังหน้า ที่แท้แอบขายยาให้กลุ่มวัยรุ่น
ตำรวจทหารเปิดยุทธการปราบยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหา 2 รายเคยติดคุกแต่ไม่สำนึกหวนกลับมาเป็นพ่อค้าใหญ่ เปิดอู่ซ่อมรถยนต์บังหน้า แต่กลับขายยาบ้าให้กับกลุ่มวัยรุ่น
5 ธ.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ร.ต.ท.ประเสริฐ วัฒหนู รอง สว.สส.ภจว.พัทลุง พร้อมกำลังชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ชุด กรมน.จังหวัดพัทลุง เฝ้าติดตามขบวนการค้ายาเสพติดชนิดยาบ้าในพื้นที่จังหวัดพัทลุงนานกว่า 3 วัน
หลังสืบทราบว่าขบวนค้ายาบ้าเครือข่ายเรือนจำกลางจังหวัดสงขลา ได้โทรศัพท์ประสานให้นักค้าในพื้นที่จังหวัดพัทลุงที่เคยถูกจับยาและพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ นำยาบ้ามาจำหน่ายในพื้นที่
โดยเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามพฤติกรรมจนแน่ใจว่า เครือข่ายดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวโดยมีการเปิดอู่ซ่อมรถยนต์บังหน้า แต่กลับขายยาบ้าให้กับกลุ่มวัยรุ่นในเขตพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารได้เข้าทำการตรวจค้นอู่ซ่อมรถไม่มีชื่อเลขที่ 221 ม.9 ต.ท่ามิหรำ อ.เมืองพัทลุง ควบคุมตัวนายสิปปกร อายุ 33 ปี เจ้าของอู่
ตรวจในกระเป๋ากางเกงพบยาเสพติดบรรจุถุง จำนวนหนึ่ง และจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ยังพบยาบ้าบรรจุไปกระเป๋าสีน้ำตาล ทิ้งไว้ข้างอู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในเบื้องต้นนายสิปปกร ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าทั้งหมดเป็นของตัวเอง และตัวเองเพิ่งพ้นโทษในคดียาเสพติดมาได้ 2 ปี ซึ่งมีนายประไพ อายุ 48 ปี นำมาส่งให้ และต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลและวางแผนจับกุมนายประไพ ขณะนำยาบ้ามาส่งให้ลูกค้าบริเวณอู่ดังกล่าว
โดยนายประไพฯ ได้ขับรถยนต์เก๋งโตโยต้า ขับวนเวียนอูซ่อมรถหลายรอบเพื่อความแน่ใจ จนกระทั่งตายใจว่าไม่มีอะไรจึงได้นำยาบ้าเกือบ 1000 เม็ด ซุกซ่อนใต้เบาะรถเข้ามาภายในอู่ซ่อมรถ เจ้าหน้าที่จึงได้บุกเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว
ตรวจค้นภายในรถพบยาบ้าบรรจุถุงวางไว้ได้เบาะนั่งคนขับ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดพร้อมควบคุมตัว ไปตรวจค้นบริเวณบ้านพัก เลขที่ 197 ม.1 ต.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
ตรงหลังบ้านเจ้าหน้าที่พบร่องรอยการซุกซ่อนยาบ้าหลายจุด และสามารถยึดยาบ้ามาได้อีก 1 ถุง ที่ซุกซ่อนไว้ในตอไม้ที่ล้ม นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่นายสิปปกร ผู้ต้องหาระบุว่าตนเองเพิ่งพ้นโทษ 10 ปี ข้อหาค้ายาเสพติดมาจากเรือนจำจังหวัดสงขลามาเมื่อต้นปี ตอนแรกคิดว่าจะเลิก แต่พอมาอยู่บ้าน
เพื่อนนักโทษที่อยู่ในเรือนจำโทรศัพท์ประสานมาให้ช่วยเหลือเป็นตัวแทนค้ายา ตนเห็นว่ารายได้ดีจึงลองทำอีกครั้ง จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ดังกล่าว