ปิดประตูบ้านผวา "ไอ้ต้อม" จิตหลอน ทำร้ายคนแก่-ตบคนพิการ วันเดียวสาหัส 4 ราย
ชาวบ้านแห่ปิดประตูทั้งหมู่บ้าน ผวาหนุ่มเสพยาจิตหลอน ไล่ทำร้ายคนแก่-คนพิการ วันเดียวบาดเจ็บไป 4 ราย ทำให้ไม่มีใครกล้าออกบ้าน ตำรวจเร่งตามล่าตัว
(6 ธ.ค.) ชาวบ้านที่หมู่บ้านป่าไม้แดง หมู่ 2 ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ต้องอยู่ด้วยความหวาดผวา ไม่กล้าออกจากบ้าน เกือบทุกหลังต่างพากันล็อกประตูบ้าน ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน หลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญ ชายหนุ่มในหมู่บ้านเกิดจิตหลอน ไล่ทำร้ายคนชราจนได้รับบาดเจ็บวันเดียวถึง 4 คน ถูกหามส่งโรงพยาบาลวุ่น มีพฤติกรรมแปลกจะยกมือไหว้ก่อนทำร้าย ตำรวจรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับแล้ว
ชาวบ้านที่หมู่บ้านป่าไม้แดง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ พากันอยู่แต่ในบ้าน หลังจากเกิดเหตุนาย นายนพรัตน์ อายุประมาณ 28 ปี หนุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้านเดียวกันดักอยู่กลางถนน ถีบจักรยานยนต์ล้ม เข้าไปชกต่อยและใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้สูงอายุอย่างบ้าคลั่ง แถมยังตามไปกระทืบถึงในบ้าน ไม่เว้นแม้แต่คนชราที่ยกมือไหว้ขอชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และจนถึงขณะนี้ตำรวจยังจับกุมตัวมาดำเนินคดีไม่ได้
นายสี อายุ 76 ปี ผู้พิการขาผิดรูปที่ถูกทำร้ายรายแรก เปิดใจกับผู้สื่อข่าวในสภาพบอบช้ำไปทั้งตัว โดยเล่าว่า ในวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะขี่จักรยานยนต์ไปซื้ออาหารและกำลังจะกลับบ้าน ผ่านบริเวณสุสานในหมู่บ้านพบ นายนพรัตน์ หรือ ต้อม ออกมายืนดักริมถนน ก่อนกระโดดถีบจักรยานยนต์จนตัวเองล้มลง
จากนั้นนายนพรัตน์ที่ในมือถือมีด ได้พุ่งเข้ามาชกต่อยอย่างบ้าคลั่ง ตนยกมือไหว้ร้องขอชีวิตแต่ก็ยังไม่หยุด จากนั้นมีชาวบ้านผ่านมาช่วยห้ามปราม ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน แต่ปรากฏว่านายนพรัตน์ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามมาถึงบ้านและเข้ามาชกต่อยอีก จนทำให้ตนฟันหักไป 3 ซี่ ใบหน้าร่างกายฟกช้ำไปทั้งตัว ขณะที่นายนพรัตน์ขู่ห้ามแจ้งความตำรวจ ไม่อย่างนั้นจะตามมาฆ่าถึงบ้าน
หลังจากนั้น นายนพรัตน์ ได้กลับไปดักรอบนถนนใกล้กับจุดแรกและได้เข้าทำร้าย นายบุญมา อายุ 64 ปี ขณะกำลังนั่งรอรถเกี่ยวข้าวริมทุ่งนา โดยเข้าไปชี้หน้ากล่าวหาว่านายบุญมาเป็นชู้กับอดีตแฟนเก่าที่เลิกรากันไปกว่า 10 ปี ก่อนกระชากตัวมาเตะต่อยตามใบหน้าและลำตัวอยู่นานหลายนาที ก่อนที่จะเดินกลับไปแบบใจเย็น ทิ้งนายบุญมาที่ฟกช้ำทั่วทั้งตัว นอนร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่ผ่านไปบริเวณดังกล่าว
จากนั้นเวลาไล่เลี่ยกัน นายนพรัตน์ได้เดินเข้าไปที่บ้านของ นายสว่าง อายุ 59 ปี ที่อยู่ติดกับบ้านของตัวเอง โดยเข้าไปกอดคอก่อนจะยกมือไหว้ที่หน้าอกของ นายสว่าง บอกว่ามีบุญคุณกับตนมานาน ก่อนจะโน้มคอกระชากนายสว่างล้มลงและลงมือชกต่อยและใช้มีดที่พกมาฟันที่ศีรษะ ต้องเย็บ 5 เข็ม
หลังจากนั้นนายนพรัตน์ยังออกเข้าไปทำร้าย นายดวงคำ อายุ 67 ปี ญาติของตัวเองที่อยู่บ้านใกล้กัน ทำให้เบ้าตาแตก บาดเจ็บสาหัสเป็นรายที่ 4
หลังเกิดเหตุญาติๆ ได้ช่วยกันนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลดอยสะเก็ด พร้อมกับแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ทราบเรื่อง จากนั้นได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ดอยสะเก็ด ขณะที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัด ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อช่วยเหลือเยียวยา
ผู้เสียหายทั้งหมดเล่าตรงกันว่า ทุกคนรู้จักกับนายนพรัตน์ เพราะเห็นมาตั้งแต่เป็นเด็ก ที่ผ่านมาคุ้นเคยสนิทสนมกันและไม่เคยมีเรื่องบาดหมางขัดแย้งกันมาก่อน เชื่อว่าสาเหตุที่นายนพรัตน์ไล่ทำร้ายผู้คนไปทั่วก็เพราะว่านายนพรัตน์ติดยาเสพติด ขณะเกิดเหตุก็อยู่ในอาการคล้ายเมายาเสพติด นายนพรัตน์เคยติดคุกในคดียาเสพติดมาก่อนและยังเคยมีประวัติทำร้ายพ่อแม่ แต่ครั้งนี้ออกมาทำร้ายชาวบ้านผู้บริสุทธิ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดกลัวให้กับคนทั้งหมู่บ้าน เพราะล่าสุดยังจับตัวไม่ได้ เกรงว่าจะย้อนกลับมาทำร้ายอีก เพราะถูกขู่ไม่ให้แจ้งความ นอกจากนี้นายนพรัตน์ยังประกาศว่ามีคนที่จะถูกทำร้ายทั้งหมด 7 คน ซึ่งยังเหลืออีก 3 คนที่ยังไม่โดน จึงอยากให้ตำรวจสายตรวจหมั่นมาตรวจตราสร้างความปลอดภัยในหมู่บ้านและจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
ขณะที่ พ.ต.ท.เทอดสยาม บุญยะเสนา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ระบุว่า จากคำให้การเชื่อว่าผู้ต้องหาจะเกิดอาการจิตหลอนจากการเสพยาเสพติด โดยที่ไม่มีแรงจูงใจอื่น ล่าสุดได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นเป็นอันตรายสาหัส ซึ่งหลังจากจับกุมได้จะต้องส่งตัวให้จิตแพทย์ประเมิน หากพบว่ามีอาการจิตหลอนอาจต้องดำเนินคดีตามขั้นตอนของ พรบ.สุขภาพจิต
ส่วนความคืบหน้าการติดตามจับกุม ล่าสุดพบว่านายนพรัตน์หลบหนีไปอยู่ที่จังหวัดลำปาง โดยชุดสืบสวนพร้อมเข้าจับกุมทันทีที่ศาลอนุมัติหมายจับ