ถอดรหัสจับลูกสาวบิ๊ก "หัวเว่ย" ชนวนเหตุสงครามการค้า "มังกร-อินทรี" ระลอกใหม่?
กลายเป็นเรื่องใหญ่ของโลก หลังจากที่แคนาดาจับกุมลูกสาวของผู้ก่อตั้ง “หัวเว่ย” ผลลัพธ์ที่อาจจะทำให้สองมหาอำนาจ จีน-สหรัฐฯ ต้องเปิดศึกกัน ซึ่งจะทำให้โลกต้องสะเทือน
“การตัดสินใจจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นโดยไร้เรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง และปราศจากการแทรกแซงทุกอย่าง ผมรับประกันได้ว่า เราคือประเทศที่มีระบบยุติธรรมที่มีความเป็นอิสระ”
คำพูดที่หล่นออกจากปากของ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ที่เปิดปากหลังเกิดการจับกุมตัว เมิ่ง หวั่นโจว ลูกสาวของ เริ่น เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้ง “หัวเว่ย” บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมจากจีน ขณะที่เธอรอเปลี่ยนเครื่องบินที่สนามบินเมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา
>> แคนาดารวบตัวลูกสาวผู้ก่อตั้ง "หัวเว่ย" เตรียมส่งตัวดำเนินคดีที่สหรัฐ
>> นายกฯ แคนาดาแจง จับผู้บริหารระดับสูง “หัวเว่ย” ไม่เกี่ยวการเมือง
การที่แคนาดา เข้าจับกุม เมิ่ง หวั่นโจว ที่เป็นถึงประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของหัวเว่ย เพราะถูกทางการสหรัฐฯ ร้องขอ เนื่องจากผลการตรวจสอบพบว่ามีข้อสังสัยที่เป็นไปได้ว่า หัวเว่ยละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน เพราะมีข้อมูลว่าบริษัทจากจีนได้ขายอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับอิหร่าน ซึ่งสหรัฐฯ ยอมไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ต่างๆ ของหัวเว่ยก็ถูกผลิตขึ้นที่สหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
บทบาทของ เมิ่ง หวั่นโจว ในองค์กรถือว่าเป็นบุคคลสำคัญ เรียกได้ว่าอาจจะเป็นเบอร์หนึ่งของ “หัวเว่ย” เลยทีเดียว เพราะเธอจัดการบริหารแทนพ่อซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งในแทบจะทุกด้าน รวมถึงการเดินทางออกนอกประเทศจีนเพื่อติดต่อการค้าอยู่เป็นประจำ ซึ่งแตกต่างจากพ่อของเธอที่จะปักหลักอยู่ในประเทศจีนเป็นหลัก ไม่เดินทางออกนอกพื้นที่ไปไหน
อย่างไรก็ตาม เหตุผลของสหรัฐฯ ดังกล่าว จึงทำให้เธอต้องกลายเป็นผู้ร้ายขึ้นมาทันที และหัวเว่ยเองยังถูกทางการของเมืองลุงแซมจับตาเป็นพิเศษ ในฐานที่ว่าอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ขณะที่ความคุกรุ่นของสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนลงให้แก่กัน ปมการจับกุมซีเอฟโอของหัวเว่ย จึงเหมือนเป็นการเติมเชื้อให้ความแค้นของทั้งสองชาติมหาอำนาจ มันพอกทวีคูณยิ่งขึ้น
แม้ ทรูโด จะออกมาระบุถึงการจับกุมดังกล่าวแบบสั้นๆ ว่าไม่มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และพูดไปมากกว่านี้ไม่ได้เพราะอยู่เหนือขอบเขตของอำนาจศาล แต่หากมองให้ลึกเข้าไปแล้ว สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ร้องขอไปยังแคนาดาให้จับกุมลูกสาวผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันมีเรื่องการเมืองของทั้งสองประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง
นัยหนึ่ง สหรัฐฯ เองก็ต้องการให้ทั้งโลกเห็นการจับกุมครั้งนี้ผ่านแคนาดาที่กลายเป็นเครื่องมือ เพราะต้องการให้เห็นถึงอำนาจที่คุมอยู่ หากใครให้การช่วยเหลือกลุ่มประเทศที่คว่ำบาตร ก็อาจต้องจบลงด้วยการถูกดำเนินคดีอย่างที่บิ๊กหัวเว่ยต้องเผชิญ
สิ่งที่สหรัฐฯ ดำเนินการก็อาจมาจากความต้องการที่อยากให้ทั้งโลกต้องศิโรราบให้ แต่อีกเหตุผลที่สหรัฐฯ อาจประเมินผิดพลาด หรืออาจคิดแต่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก สิ่งนั้นคือ “หัวเว่ย” คือหน้าตาของคนจีนทั้งประเทศ และเหล่าตี๋หมวยต่างภาคภูมิใจกับแบรนด์โทรศัพท์มือถือแบรนด์นี้อย่างมาก และผลการจับกุมครั้งนี้อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่สร้างปัญหาอย่างใหญ่หลวงได้
และผลการสงบศึกชั่วคราวระหว่าง ทรัมป์ และ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ในศึกดวลภาษีอากรระหว่างกัน อาจจะต้องรื้อการสงบศึก หรือทำให้เป็นโมฆะเพราะผลการจับกุม เมิ่ง หวั่นโจว ที่เกิดขึ้น และอาจลามไปถึงแคนาดาเข้าให้อีก
ความคืบหน้าล่าสุด เมิ่ง หวั่นโจว ได้ยื่นเรื่องขอประกันตัวจากศาลแคนาดาเมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) ขณะที่สหรัฐฯ ก็ต้องการตัวเธอเพื่อมาดำเนินคดีในประเทศ ส่วนหัวเว่ย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ปล่อยตัวเธอทันที
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าจนถึงนาทีนี้ หัวเว่ย ได้รุดหน้าแซง แอปเปิ้ล ขึ้นเป็นแนวหน้าของโลกในสายการผลิตสมาร์ทโฟนเป็นที่เรียบร้อย แต่สำหรับทิศทางของโลกตะวันตก การใช้ผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีจากจีนก็ยังเกิดความระแวดระวังปนระแวงอยู่มาก โดยเฉพาะเหตุผลที่สหรัฐฯ พยายามประโคมข่าวว่าหากใช้เทคโนโลยีจากจีนในด้านโทรคมนาคมหรือด้านคอมพิวเตอร์ อาจเสี่ยงต่อ “ความปลอดภัยทางด้านข้อมูล” ซึ่งแม้จะไม่มีผลยืนยันที่แน่ชัด แต่ด้วยเทคโนโลยีที่รุดหน้าไปไกลของจีน ก็ทำให้มีผลเสียและเกิดผลกระทบในแง่ลบไม่น้อยจากเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การจับกุมลูกสาวของบิ๊กหัวเว่ยครั้งนี้ จะนำพามาซึ่งความคุกรุ่นระหว่างสองชาติมหาอำนาจของโลกในทันที และเมื่อสองยักษ์ทะเลาะกัน ประเทศเล็กประเทศน้อยทั่วทั้งโลกก็ต้องได้รับผลกระทบกระเทือนไปด้วยอย่างแน่นอน