ยิ่งใกล้...ยิ่งเจ็บ?
น่าสนใจว่า เพียงแค่“ด่านแรก” หลัง “สัญญาณ” บ่งชี้ชัดไปสู่เส้นทางการคลายตัวส่งคืน “อำนาจ” จาก “รัฐบาล คสช.” ไปสู่ ”รัฐบาลปกติ” ที่มาจากการเลือกตั้ง โดย “ประชาชน” เจ้าของประเทศ กับนัดพูดคุยสำคัญเมื่อวานนี้ (7 ธ.ค. 61) ที่เชิญ “พรรคการเมือง” นักการเมือง มาพูดคุยทำความเข้าใจในขั้นตอนกระบวนการ ก่อนแยกย้ายไปเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้ง ณ สโมสรทหารบก สถานที่ที่ซึ่งเคย “ปิดประตูตีแมว” ยึดอำนาจเมื่อ 4 ปีก่อน
น่าสนใจว่า “พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. วันนี้ได้สัมผัสถึงกลิ่นไอแรงต้าน ไม่ยอมรับ คสช. และตัว “พล.อ.ประยุทธ์” ที่นั่ง “หัวโต๊ะ” ชี้แจงกติกาการคืนอำนาจสู่การเลือกตั้ง โดย “ปฏิเสธ” ไม่เข้าร่วมประชุม แถมยังถือโอกาส “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” นอกสภา “รุมกินโต๊ะ” “นายกฯ ลุงตู่” กันอย่างไร้เยื่อใยจาก “นักการเมือง” ทั้งสองพรรคใหญ่ “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” กับข้อครหามากมายตั้งแต่รัฐบาลทหารไม่เป็นประชาธิปไตย สืบทอดอำนาจ การเอาเปรียบทุกเม็ด ไม่มีสปิริตในฐานะ “กรรมการ” สร้างกฎกติกาเพื่อตัวเองลงมาเป็น “ผู้เล่น” ที่แม้ว่าการชี้แจงเมื่อวานนี้จะเต็มไปด้วยเนื้อหาไปสู่ “อนาคตประเทศ” ก็ตาม
น่าสนใจว่า หากไม่มีอะไรแทรกซ้อน และเป็นไปตามไทม์ไลน์ เท่ากับว่าหลังจากวันนี้ไป ปี่กลองการเลือกตั้งจะกระชั้นแรงยิ่งขึ้น ไล่เรียงตั้งแต่เปิดมาสัปดาห์หน้า 11 ธ.ค. พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้ ถือเป็นการเริ่มนับกรอบเวลา 150 วัน ในการจัดการเลือกตั้งของ กกต. ที่จะขีดเส้นไว้ถึงวันที่ 9 พ.ค. 62 โดยกำหนดวันเลือกตั้งยังเป็น 24 ก.พ. 62 ซึ่งในกลางสัปดาห์ก่อนสัปดาห์สุดท้ายเดือนธันวาคม กกต. จะออกระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ ครม. พิจารณา ก่อนจะมีการนำพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงโปรดเกล้าฯ ลงมา ที่หลังจากนั้นราวเดือนมกราคม ภายใน 5 วัน นับจากประกาศใช้ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป กกต. จะออกประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง วันรับสมัคร และจำนวน ส.ส. ในแต่ละเขตไม่เกิน 25 วันนับจากประกาศใช้ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป จะเปิดรับสมัคร ส.ส. โดยให้เวลา 5 วัน และพรรคต้องแจ้งชื่อนายกรัฐมนตรีให้ กกต. ออกประกาศเพื่อให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งโดยรวมๆ แต่ละพรรคน่าจะมีเวลาหาเสียงราว 2 เดือนจนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง 24 ก.พ. 62
ดังนั้น ระหว่างเวลาแห่งความคืบใกล้ในความชัดเจนที่นำไปสู่ “สนามศึกเลือกตั้ง” ปรากฏการณ์ทำนองการ “รับน้อง”นักการเมืองหน้าใหม่ ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ คนต่อไป กันตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้ ที่เวลานี้แม้ขนาดมี “ตัวช่วย” นักการเมืองอย่าง “สมศักดิ์-สุริยะ” หรือใครต่อใครใน “พรรคพลังประชารัฐ” ทีมงานโฆษกในรัฐบาล หรือในกองทัพ ออกมาช่วย “รับ-รุก” ตอบโต้ชี้แจง ยัง “เต็มกลืน” กับ “ฝีปาก” และลีลาเขี้ยวลากดินของ “นักการเมือง”
ที่ทำให้ดูทรงแล้ว “นายกฯ ลุงตู่” น่าจะเหนื่อยตั้งแต่ “ยกแรก” จนถึง “ยกสุดท้าย” ที่ไม่รู้ว่าสั้นหรือยาวแค่ไหน เพราะ “ชีวิตจริง” หลังการเลือกตั้ง แม้ “ออปชั่น” ที่เตรียมไว้ครบทั้ง “ทุน-กำลังคนการเมือง-กองทัพ” จะทำให้ “ไปต่อ” ได้ก็ตาม แต่คงไม่มี “ดาบ” อำนาจพิเศษอย่าง ม.44 ในมือให้พักพิง ที่ครั้นจะเด้งเชือกฟุตเวิร์กหลบแบบ “นักการเมือง” ก็ไม่ใช่แนว “มวยไฟเตอร์” แบบ “ลุงตู่” ที่ “จุดเดือดต่ำ” กว่านักการเมืองมืออาชีพ ดังอาการหลุดสบถ “ฮา ห่า ห้า” ล่าสุดที่ถูกจับผิดเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง
เรียกได้ว่า เปรียบไปเอาแค่ตอนนี้อาการ “นายกฯ ลุงตู่” ไม่ต่างจาก “ยิ่งใกล้ ยิ่งเจ็บ” เพราะยิ่งงวดใกล้การเลือกตั้งที่มนตรา “อำนาจ” คสช. จะต้องคลายความเข้มขลังลงไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งต้อง “อดทน” ต่อการรุกเร้ายั่วยวนกวนอารมณ์จากบรรดา “นักการเมือง” ที่จะถือเอา “ลุงตู่” เป็น “ผู้เล่นร่วม” ที่พร้อมจะลามปามให้ “ถอดใจ” รำคาญ ไม่อยากจะไปต่อ ได้ทุกเมื่อเชื่อวัน แม้โดยในที ตามบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญแล้ว ความเป็นนายกฯ ความเป็นหัวหน้า คสช.ของ “ลุงตู่” ยังมีอยู่ไปจนกว่าจะมี ครม. ใหม่ก็ตาม