แก๊งตบทรัพย์เล่นละครกลางถนน รุมซ้อมลุงสะบักสะบอม เจ็บโคม่าขาดใจตาย
ครอบครัวชาวนครสวรรค์ร้องสื่อ หลังสามีโดนรุมทำร้ายกลางถนน ก่อนจะเสียชีวิตเพราะเจ็บสาหัส คาดเป็นแก๊งตบทรัพย์หาเหยื่อตามถนน อ้างว่าขับรถชนเรียกค่าเสียหาย เช็ควงจรปิดพบตามประกบข้ามอำเภอ
(12 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดโคกมะขวิด ต.สำโรงชัย อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพ นายปัญญา อายุ 57 ปี ที่เสียชีวิตจากการถูกชาย 2 คน รุมทำร้าย เป็นเหตุทำให้กะโหลกศีรษะแตก เพียงเพราะขับขี่รถเฉี่ยวกันบนถนนเท่านั้น
โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ของวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา และทางครอบครัวของผู้เสียหายเกรงว่าคดีจะไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า กลุ่มที่รุมทำร้ายผู้เสียชีวิต มีพฤติกรรมคล้ายกับกลุ่มมิจฉาชีพตบทรัพย์ตามท้องถนนที่มีข่าวให้เห็นตามหน้าสื่ออยู่บ่อยๆ
จากการสอบถาม นางสมปอง อายุ 51 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่สามีได้ขับรถกระบะอีซูซุ สี่น้ำเงิน พาตนกับลูกๆ 3 คน เดินทางไปทำธุระที่ อ.ท่าตะโก ขณะเดินทางกลับ ผ่านสี่แยกไดตาล ต.โคกดื่อ อ.ไพศาลี มาได้เพียง 2 กิโลเมตร สามีพยายามเร่งเครื่องแซงรถกระบะคันข้างหน้า จึงเป็นเหตุทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกันขึ้น
รถของสามีได้ไปเบียดเฉี่ยวชนกับรถคู่กรณี ทำให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะนั้นทุกคนบนรถไม่มีใครรู้สึกเลยด้วยซ้ำว่า รถเกิดการเฉี่ยวชนกัน เพราะได้ยินเพียงคล้ายกับเหยียบเศษพลาสติกบนถนนเท่านั้น ทำให้สามีขับรถต่อไป กระทั่งเหลืออีกเพียง 6 กิโลเมตรก็จะถึงบ้านแล้ว อยู่ๆ รถกระบะโตโยต้า สีขาว แบบยกสูง ได้ขับบีบแตรไล่ตามหลังมา จึงทำให้สามีจอดรถลงไปพูดคุย ทำให้รู้ว่ามีการเฉี่ยวชนกันขึ้น
อีกทั้งคนขับรถกระบะคันดังกล่าวที่มีท่าทางจะคล้ายจะเป็นพลเมืองดี ยังได้มีการพูดโน้มน้าวว่าให้เคลียร์กันให้ดีๆ เพราะเรื่องแต่นี้ตกลงกันได้ จากนั้นรถกระบะคู่กรณี เป็นรถโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ได้ก็มาจอดต่อท้าย พร้อมกับมีชายอายุประมาณ 30-35 ปี จำนวน 2 คน เดินลงมาจากรถ เพื่อเข้ามาพูดคุยแบบฉุนเฉียว ในทำนองเฉี่ยวชนแล้วหลบหนีทำไม น่าจะจอดคุยกัน แต่สามีปฏิเสธบอกว่าไม่ได้หลบหนี เพราะไม่รู้สึกว่ามีการเฉี่ยวชนกันขึ้น
ชายทั้ง 2 คนได้พยายามใช้น้ำเสียงดุดันพูดคุยกับสามีตลอดเวลา เพื่อให้ตกลงค่าเสียหาย เมื่อสามีเดินลงไปตรวจสอบความเสียหายรถของคู่กรณี ก็พบว่ากันชนหน้ารถได้หลุดห้อยออกมา แต่กลับพบว่ามีเชือกผูกรั้งไว้ จึงทำให้สามีสอบถามกลับว่า รถมีการไปเฉี่ยวชนกันคันอื่นมาก่อนอยู่แล้วหรือไม่ เนื่องจากสามีตรวจดูความเสียหายที่รถตัว ก็มีเพียงร่องรอยเฉี่ยวกันที่ท้ายกระบะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
คำพูดดังกล่าวทำให้ชายคู่กรณีทั้ง 2 คนเกิดความโมโห ก่อนจะเข้ามารุมทำร้ายสามีอย่างบ้าคลั่ง ต่อหน้าตนกับลูกๆ แม้จะเข้าไปห้ามแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล พวกเขายังคงรุมทำร้าย กระทั่งสามีล้มลงไปนอนจมกองเลือดหมดสติ ก่อนคู่กรณีจะขับรถหลบหนีไป
หลังเกิดเหตุ สามีถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลไพศาลี โดยแพทย์ได้ตรวจอาการ พบว่าสามีมีอาการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง กะโหลกศีรษะร้าว และมีเลือดคลั่งอยู่ ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่นานกว่า 2 วัน แต่อาการไม่ดีขึ้น กระทั่งได้เสียชีวิตลงในในที่สุด
ส่วนในทางคดีได้เข้าแจ้งความแล้ว แต่ก็ได้รับการติดต่อในช่วงแรกๆ หลังจากนั้น ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ อีกทั้ง เมื่อลองมานั่งพูดคุยทบทวนเหตุการณ์กับลูกๆ ต่างก็คิดเหมือนกันว่า กลุ่มคนที่รุมทำร้ายสามี และคนขับรถกระบะอีกคัน มีพฤติกรรมลักษณะคล้ายกับแก๊งมิจฉาชีพ ตบทรัพย์บนท้องถนน ที่เคยพบเห็นตามข่าว
ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ถือเป็นภัยกับชาวบ้านและผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายกลุ่มนี้มาดำเนินคดีให้ไวที่สุดด้วย จะได้ไม่ไปก่อเหตุกับใครอีก นางสมปอง กล่าวทิ้งท้าย
ทางด้าน พ.ต.ต.ธีระยุทธ ภู่แสง พนักงานสอบสวน สภ.ไพศาลี เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ เบื้องต้นพบว่ารถต้องสงสัยทั้ง 2 คัน ได้ขับตามประกบหน้าหลังไล่ตามรถของผู้เสียหายมาตั้งแต่ อ.ท่าตะโก
อีกทั้งยังทราบตัวเจ้าของรถกระบะคนที่ก่อเหตุ อยู่ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ จึงได้ส่งหมายเรียกให้มาสอบปากคำแล้ว แต่จากการสอบถาม เจ้าของรถอ้างว่าได้ขายรถกระบะต่อให้คนอื่น ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน และไม่สามารถระบุได้ว่า รถกระบะทั้งรถผู้ก่อเหตุและรถอีกคันที่เรียกให้รถของผู้เสียหายจอด มีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันว่าจะเป็นแก๊งมิจฉาชีพหรือไม่
ขณะที่ล่าสุด มีรายงานว่าได้มีผู้เสียหายอีกรายหนึ่ง เดินทางจาก อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ เข้ามาให้ข้อมูลกับทางตำรวจ สภ.ไพศาลี หลังจากทราบเรื่องที่เกิดขึ้นผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งทางครอบครัวผู้เสียหายได้มีการโพสต์เตือนภัยเอาไว้ โดยผู้เสียหายรายนี้ได้เข้าให้ข้อมูลว่าถูกกลุ่มแก๊งรายนี้ได้กระทำในลักษณะแบบเดียวกัน และจดจำลักษณะของรถกระบะทั้ง 2 คันที่ก่อเหตุได้เป็นอย่างดี ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นแก๊งมิจฉาชีพตบทรัพย์ออกหาเหยื่อบนท้องถนน
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ