ดีเอสไอลุยแกะรอยฆ่าแขวนคอวัยรุ่นจว.เดียว21ศพโยงฆ่าตัดตอน
ศาลอาญาสั่งฝากขัง 3 ด.ต.กาฬสินธุ์ฆ่าแขวนคอวัยรุ่น ให้ประกันคนละ 5 แสน รอ2 ตร.สัญญาบัตรผู้ต้องหามอบตัวเพิ่ม เผย 21โจ๋เมืองน้ำดำถูกฆ่าสยอง ช่วงสงครามปราบยาเสพติด ตายหลังได้รับประกันตัว ดีเอสไอลุยแกะรอยคดี ชี้พัวพันยาเสพติดก็ถูกฆ่าแขวนคอ ถ้าลัก-ชิงวิ่งราวทรัพย์ถูกยิง
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผอ.สำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เปิดเผย เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ออกหมายเรียกตัวตำรวจชุดสืบสวนในสังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ในคดีฆ่าแขวนคอนายเกียรติศักดิ์ หรือ เอ็กซ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ในพื้นที่ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2547 โดยวันนี้ตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี 3 นาย ประกอบด้วย ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 45 ปี ด.ต.สุดธินันท์ โนนทิง อายุ 40 ปี และ ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 39 ปี ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และซ่อนเร้นปิดบังอำพรางการตาย ซึ่งผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอให้การในชั้นศาล ส่วนตำรวจชั้นสัญญาบัตรอีก 2 นาย ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเดียวกันจะเข้ามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาในภายหลัง
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวด้วยว่า จากการสอบสวนพบว่าคดีนี้มีลักษณะการกระทำความผิดรุนแรง และมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต อีกทั้งในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ มีเหตุฆาตกรรมวัยรุ่นด้วยการฆ่าแขวนคอและยิงเสียชีวิตในลักษณะคล้ายคลึงกันอีกกว่า 20 คดี ซึ่งพนักงานสอบสวนในพื้นที่ยุติการสอบสวนไปโดยที่ไม่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ดีเอสไอจึงขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทุกราย โดยการปล่อยตัวชั่วคราวขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาลอาญา
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีของนายเกียรติศักดิ์ ดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษ ตั้งแต่ปี 2548 และรับคดีฆาตกรรมปริศนาในท้องที่ จ.กาฬสินธุ์ ไว้สืบสวนข้อเท็จจริงอีก 8 คดี เนื่องจากญาติของผู้เสียชีวิตเข้าร้องขอความเป็นธรรมให้มีการสอบสวนสาเหตุการตายว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าเกี่ยวข้องหรือไม่
สำหรับการเสียชีวิตปริศนาของวัยรุ่น อายุระหว่าง 17-18 ปี รวม 21 ศพ ในท้องที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 2547-2548 และถูกโยงว่าเกี่ยวข้องกับเหตุฆ่าตัดตอนในสงครามยาเสพติด ซึ่งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีนโยบายให้ลดเป้าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งในส่วนของผู้ค้าและผู้เสพ ทั้งนี้ ข้อมูลจากการสืบสวนพบว่า วัยรุ่นทั้งหมดเสียชีวิตหลังได้รับการประกันตัว หากผู้ตายเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็จะถูกฆ่าแขวนคอ แต่ถ้าผู้ตายมีประวัติเกี่ยวกับคดีอาญาอื่นๆ เช่น ลักทรัพย์หรือวิ่งราวทรัพย์ ก็จะถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งในชั้นสอบสวนตำรวจท้องที่ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้แม้แต่รายเดียว
เวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ท.กิตติ ภักดีรักษ์พงศ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชำนาญการพิเศษ ควบคุม ด.ต.อังคาร ด.ต.สุดธินันท์ และ ด.ต.พรรณศิลป์ ผู้ต้องหาที่ 1-3 คดีร่วมกันฆ่านายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ โดยเจตนา โดยใช้เชือกรัดคอ แล้วนำศพไปแขวนคออำพรางคดีว่าฆ่าตัวตาย มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 20-31 พฤษภาคม นี้ เนื่องต้องรอสอบสวนพยานเพิ่มเติมและตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา และขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง คดีสะเทือนขวัญประชาชนทั่วไป เนื่องจากผู้ต้องหากับพวกมีพฤติการณ์ข่มขู่ คุกคามพยานสำคัญ จนพยานต้องร้องขอต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อเข้าโครงการคุ้มครองพยาน เกรงว่า อาจจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานทำให้รูปคดีเสียหาย
ต่อมา ศาลพิจารณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้ ขณะที่ญาติผู้ต้องหายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ โดยมีผู้บังคับบัญชาใช้ตำแหน่ง และยื่นโฉนดที่ดินใน อ.กาฬสินธุ์ มูลค่า 2 ล้านบาทเศษขอประกันตัว โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัว โดยตีราคาประกันคนละ 500,000 บาท