“ชาวหนองกุงศรี” ลั่น! ขอปกป้องไม้พะยูงอีก 100 ต้น-หลังแก๊งมอดไม้ลอบตัดแล้วถึง 7 ครั้ง

“ชาวหนองกุงศรี” ลั่น! ขอปกป้องไม้พะยูงอีก 100 ต้น-หลังแก๊งมอดไม้ลอบตัดแล้วถึง 7 ครั้ง

“ชาวหนองกุงศรี” ลั่น! ขอปกป้องไม้พะยูงอีก 100 ต้น-หลังแก๊งมอดไม้ลอบตัดแล้วถึง 7 ครั้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

( 15 ธ.ค. 61 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุริยา อุ่นทะยา ผญบ.คำไฮ หมู่ที่ 8 ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ รับแจ้งทางโทรศัพท์จาก นายอภินันต์ (ขอสงวนนามสกุล) นักการภารโรง โรงเรียนคำไฮวิทยา ว่า มีคนร้ายใช้รถยนต์กระบะจำนวน 2 คัน มาตัดต้นไม้พะยูง ด้านหลังอาคารเรียนติดถนนด้านหลังโรงเรียน ใกล้กับห้องพยาบาลที่ตนนอนอยู่

จากนั้นจึงรีบแจ้งทางโทรศัพท์ให้ พ.ต.ท.อารมณ์ มะลิขจร สว.สส.สภ.หนองกุงศรีทราบ และทางตำรวจได้ประสานไปยัง ร.ท.แก้ว งามเลิศ ผบร.ร.2 จากอำเภอสหัสขันธ์ ซึ่งเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วของกาฬสินธุ์ เข้ามาสมทบ ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที ก็มาถึง

พร้อมด้วย พ.ต.อ.พุทธินันท์ อำพันธ์ ผกก.สภ.หนองกุงศรี พ.ต.ท.สมภาร แสนคำ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สมศักดิ์ เหลามา รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.สุวิทย์ สิมมา สว.สอบสวน และตำรวจชุดสายสืบ 

จากนั้นตำรวจและทหาร จึงได้ร่วมกันวางแผน ปิดสกัดทางหลบหนีของคนร้าย เพราะคนร้ายใช้รถกระบะปิคอัพ สีบรอน 2 คันจอดเรียงกัน ทางถนนด้านทิศตะวันออก

ส่วนต้นไม้พะยูงขนาดใหญ่ คนร้ายได้ตัดล้มทับสายไฟฟ้า และล้มขวางถนนอยู่ โดยให้ รถกระบะของตำรวจจอดปิดถนนทางด้านทิศตะวันออก ส่วนรถกระบะของทหาร จอดอยู่ทางด้านทิศตะวันตก

ทั้งนี้ เมื่อคนร้ายไหวตัวทัน เห็นตำรวจจึงส่งไฟฉายสปอร์ตไลท์ใส่ตำรวจแล้วตะโกนให้คนร้ายอีก 2-3 คน ที่กำลังใช้เลื่อยโซ่ยนต์ตัดกิ่งต้นไม้ ให้หยุดตัดแล้วรีบขนของขึ้นรถ โดยบอกว่า “ตำรวจทหารล้อมแล้วรีบหนีๆ”

จากนั้นรถคนร้ายที่ขับรถทั้ง 2 คัน พยายามขับรถเบียดชนที่ท้ายรถตำรวจ  โดยวินาทีนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 3 นาย และเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 2 นาย จึงใช้ปืนสั้นและปืนยาว SK ยิงสกัดที่ล้อรถของคนร้ายทั้ง 2 คัน

ทว่า ในที่สุดคนร้ายก็ขับรถหลบหนีไปได้ ซึ่งทีมสวยสังหารถึงไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิด และวิ่งไปได้ 30 กิโลเมตร ก็เจอรถกระบะสีบรอน ทะเบียน กพ.9418 นครราชสีมา ซึ่งคนร้ายขับมาชนกับเสาไฟฟ้าส่องสว่างข้างทาง ที่บ้านแก เขต สภ.โนนสูง อำเภอยางตลาด

ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไปรวมทั้งรถกระบะอีกคันที่คนร้ายบรรทุกไม้พะยูงจำนวน 3 ท่อน  ซึ่ง เจ้าหน้าที่สำรวจในที่เกิดเหตุพบ โทรศัพท์ของคนร้าย ตกอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 2 เครื่อง และหัวเข็มขัดของตำรวจตกอยู่ 1 หัว และปลอกกระสุนชนิด 9 มม. ตกอยู่ที่พื้นจำนวน 1 ปลอก 

ทางด้าน พ.ต.อ.พุทธินันท์ อำพันธ์ ผกก.เผยว่า คนร้ายกลุ่มนี้เหิมเกริมมากไม่เกรงกลัวกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7แล้วที่มีกลุ่มคนร้าย เข้ามาลักลอบตัดต้นไม้ในโรงเรียนคำไฮวิทยา แต่ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้

ทั้งนี้ ต้นไม้พะยูงแห่งนี้ยังมีเหลืออยู่เกือบ 100 ต้น และเป็นหน้าที่และปัญหาของเจ้าหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านของชาวบ้านรวมทั้ง ครูและนักการภารโรงที่จะต้องช่วยกันดูแลและสอดส่อง

ด้าน พ.ต.ท.อารมณ์ มะลิขจร สว.สส.เผยว่า พอตำรวจและทหารมาถึงที่เกิดเหตุ ต้นไม้พะยูงก็ถูกตัดล้มขวางถนนไว้แล้ว และพบคนร้ายมีประมาณ 3-4 คน และอีก 1 คนมีหน้าที่ส่องไฟฉายสปอร์ตไลท์ ส่องดูต้นทาง และในวินาทีนั้น ทางตำรวจสามารถวิสามัญได้เพราะอยู่ในระยะกระชั้นชิด แต่คนร้ายไม่มีการต่อสู้เพียงแต่จะหาทางหลบหนีอย่างเดียว จึงตัดสินใจใช้ปืนยิงไปที่ล้อรถทั้ง 2 คัน เพื่อหยุดรถคนร้าย และจับกุมผู้ต้องหา แต่ในที่สุดคนร้ายก็หลบหนีไปได้

นายสุริยา อุ่นทะยา ผู้ใหญ่บ้านบ้านคำไฮหมู่ที่ 8 ตำบลหนองกุงศรีเผยว่า หลังจากที่ตนได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากนักการภารโรงโรงเรียนคำไฮวิทยา ต้นจึงพร้อมด้วยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาที่เกิดเหตุและรายงานให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ

ปกติตนและชาวบ้านได้มีการตั้งเวรยาม ออกตรวจตราเพื่อรักษาต้นไม้พะยูงของโรงเรียนเป็นประจำ เพราะที่ผ่านมา คนร้ายได้มาตัดไม้พะยูงจำนวน 7 ครั้งแล้ว ซึ่งตนและชาวบ้านหลายคน ไม่อยากจะเอาต้นไม้ไว้แล้ว เพราะรักษายากเป็นอันตรายต่อชาวบ้าน นักการภารโรงและผู้เกี่ยวข้อง

โดยเฉพาะทางเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ชาวบ้านหลายคนอยากจะให้ทางราชการ ตัดต้นไม้ออกจากโรงเรียนไปให้หมด เพราะเบื่อหน่าย ในการที่จะต้องเฝ้าระวังดูแลรักษา และต้นไม้ภายในโรงเรียนก็ยังเหลืออีกร่วม 100 ต้น ไม่รู้คนร้ายจะมาเอาวันไหนอีก

ด้าน นายสุรสิทธิ์ ขันติพันธุกุล นายอำเภอหนองกุงศรี ได้เดินทางออกตรวจที่เกิดเหตุ ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารและชาวบ้านให้ช่วยกันปกป้องดูแลต่อไป สวนไม้ที่ถูกตัดโค่นลงขอให้ประสานทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้นำมาเก็บรักษาให้ถูกต้องรวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ไฟฟ้ามาซ่อมแซมสายไฟฟ้าที่ถูกต้นไม้ล้มทับจนสายขาดต่อไป

พ.ต.ท.สมภาร แสนคำ รอง ผกก.สส.เผยว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะนำรถของกลาง ไปตรวจสอบว่า ใครเป็นเจ้าของรถ รวมทั้งโทรศัพท์ตกอยู่ที่เกิดเหตุจำนวน 2 เครื่อง ส่วนเรื่องหัวเข็มขัดของตำรวจที่ตกอยู่ 1 หัว มาตรวจสอบ เพื่อหาตัวคนร้าย มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook