“พ่อจะสู้ไปกับลูกเอง” พ่อชาวจีนตัดผิวหนังเพิ่ม ยื้อชีวิตลูกสาวถูกไฟคลอก

“ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนพ่อก็จะไม่ทิ้งลูก” พ่อชาวจีนยอมตัดผิวหนังเพิ่มอีก เพื่อยื้อชีวิตลูกสาวถูกไฟคลอก เจ็บสาหัส

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ เจิ้ง กั๋วหง และ หลี่ จื้อเฟิง สองสามีภรรยาชาวเมืองซินเซียง มณฑลหูหนาน กำลังปลูกพืชอยู่ในสวน ก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนบ้านว่าเกิดเหตุแก๊สระเบิดที่บ้านของพวกเขา ส่งผลให้ หลี่ เฉินซี ลูกสาววัย 17 ปี ถูกไฟคลอกตามร่างกาย โดยผิวหนังของเธอถูกเผาไหม้มากถึง 80% และอยู่ในสภาพวิกฤต

หลี่ จื้อเฟิง ผู้เป็นพ่อจึงตัดสินใจตัดผิวหนังบริเวณขาซ้ายของตัวเองมาใช้ในการผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนังให้กับลูก โดย เจิ้ง กั๋วหง ผู้เป็นภรรยาจำใจโกหกลูกสาวว่าพ่อไปทำงานต่างถิ่น ต่อมาเนื่องจากจำเป็นต้องใช้ผิวหนังเพิ่ม วันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา หลี่จึงตัดผิวหนังแขนซ้ายเพิ่มให้ลูกอีก

>> พ่อยอมเฉือนผิวหนังรักษาลูกสาวโดนไฟคลอกทั้งตัว แม่จำใจโกหก พ่อไปทำงานต่างจังหวัด

ผู้เป็นแม่เล่าว่า ลูกสาวได้ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนังแล้วราว 7 ครั้ง โดยตนเคยคุยกับสามีแล้วว่าให้ใช้ผิวหนังของตนดีกว่า เขาจะได้เป็นเสาหลักของครอบครัวในการหาเงินมารักษาลูก แต่สามีก็บอกว่าตนเป็นคนดูแลลูกมาตลอด อยู่ดีๆ เกิดหายหน้าไปลูกถามขึ้นมาจะตอบอย่างไร สามีจึงตัดสินใจใช้ผิวหนังของตนเองและให้เธอบอกกับลูกว่าพ่อไปทำงานต่างถิ่น

ผู้สื่อข่าวได้คุยกับ หลี่ จื้อเฟิง ที่ยังนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงด้วยความเจ็บปวด โดยหลี่กล่าวทั้งน้ำตาว่า “ความเจ็บปวดทางกายเป็นสิ่งที่ตนทนได้ แต่ความเจ็บที่เกิดขึ้นในใจนี่มัน...ผมอยากให้ลูกหายเร็วๆ ผมจะอยู่ข้างๆ เขาเสมอ ชีวิตของเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเองแท้ๆ ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนพ่อก็จะไม่ทิ้งลูก”

เจิ้ง กั๋วหง เล่าว่า ตอนนี้ตนได้ใช้เงินค่ารักษาไปแล้วล้านกว่าหยวน หลังนำบ้านไปจำนำและไปกู้ยืมมา แต่หลังเรื่องราวของครอบครัวของเธอถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีคนใจดีจำนวนมากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือบริจาคเข้ามามากกว่าแสนหยวนแล้ว ซึ่งครอบครัวของเธอขอขอบคุณและซาบซึ้งใจมาก รวมถึงมีความหวังที่จะสู้ต่อไป แม้ในอนาคตคาดว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับรักษาต่ออีกราว 7 แสนหยวน 

นายแพทย์ เหมียว ซานหลิน ผู้รักษา หลี่ เฉินซี กล่าวว่า เธอผ่านการผ่าตัดต่างๆ รวมแล้ว 17 หน เป็นเด็กสาวที่เข้มแข็งมาก เธอมั่นใจว่าเธอจะต้องหายให้ได้ อีกทั้งยังไม่ยอมแสดงความเจ็บปวดให้ครอบครัวเห็นอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ตอนนี้เธอยังคงอยู่ในภาวะวิกฤต อาจจะต้องมีการผ่าตัดอีก และถ้าหากครั้งนี้ประสบความสำเร็จ คาดว่าจะส่งผลดีต่อการรักษาอย่างมาก