ศาลอ่านพิพากษามาราธอน นาน 4 ชั่วโมงยังไม่จบ คดีทุจริต สจล.

ศาลอ่านพิพากษามาราธอน นาน 4 ชั่วโมงยังไม่จบ คดีทุจริต สจล.

ศาลอ่านพิพากษามาราธอน นาน 4 ชั่วโมงยังไม่จบ คดีทุจริต สจล.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คดีทุจริต สจล. ศาลเปิดอ่านคำพิพากษามาราธอน 4 ชั่วโมง ยังไม่จบ ต้องพักและลุยอ่านต่อในช่วงบ่าย

ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี วันนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีทุจริตสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) 3 สำนวน ในคคดีหมายเลขดำ อ.1992/58 , อ.6499/58 และ อ.4592/60 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 11 (อัยการจังหวัดมีนบุรี) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 43 ปี อดีตผู้จัดการธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์, น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 59 ปี ผู้อำนวยการส่วนการคลังสจล., นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อายุ 30 ปี, น.ส. จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ อายุ 30 ปี, นายสมบัติ โสประดิษฐ์ อายุ 47 ปี, นางระดม มัทธุจัด อายุ 58 ปี, นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ อายุ 35 ปี, นายภาดา บัวขาว อายุ 31 ปี, นายถวิล พึ่งมา อายุ 64 ปี อดีตอธก.สจล., นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อายุ 54 ปี อดีตผช.อธก., นายสลุต ราชบุรี อายุ 57 ปี, นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด, นายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ

โดยทั้งหมดเป็นจำเลยที่ 1-14 ในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม, ร่วมกันปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอม, เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, ร่วมกันฟอกเงิน, สนับสนุนพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต, สนับสนุนพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 264, 265, 266, 268, 335, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 3, 4, 8, 11 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 7, 10 และ 60

จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.- 12 พ.ย.55 จำเลยทั้งหมดได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์เบียดบังทรัพย์ จำนวน 689 ล้านบาทเศษ ของ สจล.ไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต และยังร่วมกันฟอกเงินจำนวน จำนวน 303 ล้านบาทเศษด้วย ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยนายถวิล และกลุ่ม อาจารย์สจล.รวม 3 คน ได้รับการประกันตัว

ขณะที่ วันนี้ศาลได้เบิกตัว จำเลยที่ถูกคุมขังมาจากเรือนจำ ส่วนจำเลยที่ได้ประกันตัวก็มาศาลครบทั้งหมด

ทั้งนี้ ศาลได้เริ่มอ่านคำพิพากษาตั้งแต่เวลา 08.00 น. กระทั่งเวลา 12.00 น. เศษ นับเป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง ศาลได้อ่านคำพิพากษายังไม่เสร็จสิ้น โดยช่วงเช้าได้มีการพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ของ นายทรงกลด อดีตผจก.ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ จำเลยที่ 1 และ น.ส.อำพร ผอ.ส่วนการคลังสจล.จำเลยที่ 2 ซึ่งศาลรับฟังพยานหลักฐานอัยการโจทก์ และ สจล.โจทก์ร่วมแล้ว รับฟังได้ว่า ทั้ง 2 ร่วมกันฉ้อฉลเงินจากบัญชีสจล. เมื่อเดือนธ.ค.57 ยอดแรกกว่า 80 ล้านบาท และยังร่วมกับนายพูนศักดิ์ จำเลยที่ 3 ฟอกเงินที่จำเลยที่ 3 ได้เปิดบัญชีรับฝากเงินไว้แล้วมีการโอนเงินยอด 55 ล้านบาท ไปเพื่อประโยชน์ของพวกตนเอง

ด้านผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลอ่านคำพิพากษา จนถึงช่วงเวลาพักเที่ยง จึงให้พักการอ่าน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อให้ โจทก์และจำเลยรวมทั้ง เจ้าหน้าที่ ได้รับประทานอาหารกลางวัน เนื่องจากคำพิพากษา ยังมีเนื้อหาอีกจำนวนมากที่จะต้องอ่าน โดยศาลกำหนดเวลาไว้ในเบื้องต้นว่าจะอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นในวันนี้ เวลาประมาณ 20.30 น. ซึ่งระหว่างนี้ศาลได้ให้กลุ่มของจำเลยที่ได้รับการประกันตัว รับประทานอาหารกลางวัน ภายในห้องพิจารณาคดี ตามมาตรการความปลอดภัย เพื่อป้องกันการหลบหนีด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook