สนธิกำลังยึด “ไม้สักทอง” ร่วม 50 ท่อนพื้นที่ ส.ป.ก.เขตป่าสงวนฯ ลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา

สนธิกำลังยึด “ไม้สักทอง” ร่วม 50 ท่อนพื้นที่ ส.ป.ก.เขตป่าสงวนฯ ลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา

สนธิกำลังยึด “ไม้สักทอง” ร่วม 50 ท่อนพื้นที่ ส.ป.ก.เขตป่าสงวนฯ ลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

( 27 ธ.ค. 61 ) นายธีรพล กาญจนโกมล หัวหน้าสายตรวจฯ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 11 นายศักดิ์ปรินทร์  สุรารักษ์ หัวหน้าหน่วย พล.1 (วังทอง) นายวิชาญ ขันธ์แก้ว หัวหน้า หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 8  น้ำยาง นายสำรวย ชมบุญ หัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษป่าไม้พิษณุโลก พร้อมตำรวจภาค 6 และ ตำรวจ สภ.แก่งโสภา สนธิกำลังกว่า 20 นาย

โดยทั้งหมด เข้าตรวจยึด “ไม้สักทอง” ในพื้นที่ ส.ป.ก.4-01 ซึ่งเดิมอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา ท้องที่หมู่ 13 ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบมีต้นสัก และไม้อื่นๆ ตัดโค่นและเลื่อยเป็นท่อนๆ วางกองอยู่ในที่ดิน ซึ่งไม่เคยทำกินมาก่อน แต่ไม่พบผู้กระทำความผิด จึงประสานผู้ใหญ่บ้านเพื่อติดต่อเจ้าของที่ดิน ทราบว่า เป็นที่ของ นางรัตนาพร (ขอสงวนนามสกุล) ราษฎรหมู่ 13 ต.บ้านกลาง

จากนั้นทำการตรวจยึดได้จำนวน 56 ท่อน ซึ่งเป็นไม้สักจำนวน 12 ท่อน และไม้กระยาเลย จำนวน 44 ท่อน  คิดรวมเป็นปริมาตร 11.08  ลบ.เมตร

นายธีรพล กาญจนโกมล หัวหน้าสายตรวจฯ สบอ.11 เปิดเผยว่า หลังจากได้บินตรวจป่าพบว่า มีร่องรอยการตัดไม้สัก จึงมาตรวจสอบ กระทั่งพบว่า  มีการตัดไม้เป็นบริเวณกว้าง กองกระจัดกระจาย ซึ่งเป็นที่ดินไม่เคยทำเกษตรกรรมมาก่อน

ซึ่งถือว่า เป็นความผิด ตามมาตรา 11 ฐานผู้ใดทำไม้หรือกระทำการใดๆ กับไม้หวงห้าม โดยไม่รับอนุญาต และมาตรา 69 ฐานมีไม้หวงห้าม ไว้ในครอบครอง  ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484

อย่างไรก็ตาม การตัดไม้ในพื้นที่ของตัวเอง ถือว่ามีความผิด จะต้องขออนุญาตตัดไม้สักที่ขึ้นทะเบียนไว้ ส่วนกฎหมายที่เปิดให้ประชาชนตัดไม้ในที่ดินของตัวเอง ยังไม่ได้ผ่านสภา หรือออกเป็นกฎหมาย

ซึ่งการอ้าง ไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย ถือว่า ไม่ได้ จะต้องตรวจยึดไม้สักและดำเนินคดีกับเจ้าของที่ดิน อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายไม้สักไปยังหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 8  น้ำยางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook