ตำรวจยันไม่ได้เข้าข้างใคร คดีครูพละข่มขืนศิษย์วัย 12 เร่งฟ้องศาล-ค้านประกันตัว
ตำรวจชัยนาทยืนยันทำคดีโปร่งใส-ไม่ได้เข้าข้างใคร กรณีครูพละข่มขืนลูกศิษย์วัย 12 ปี ขณะนี้เร่งส่งฟ้องศาล พร้อมคัดค้านการประกันตัว
จากกรณีที่พ่อแม่ของเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ร้องสื่อที่ศูนย์ดำรงธรรมหลังคดีที่ลูกสาวถูก นายดำรงค์ อายุ 40 ปี ครูสอนวิชาพละศึกษา ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2561 ส่วนครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 โดยทางครอบครัวกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะทางผู้ก่อเหตุเป็นข้าราชการ
ล่าสุดในวันนี้ (4 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางมาพบ พ.ต.อ.เชษชัย เชษฐศิริ ผกก.สภ.วัดสิงห์ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับความคืบหน้าคดีความดังกล่าวว่าเป็นอย่างไรและดำเนินการไปถึงไหนแล้วเพื่อความสบายใจของครอบครัวผู้เสียหายและคลายข้อสงสัยที่หลายๆคนบอกว่าดำเนินการล่าช้า
>> แม่สุดช้ำ ลูกสาววัย 12 ปี ถูก "ครูพละ" ข่มขืน พยายามไกล่เกลี่ยอ้างแค่ช่วยตัวเอง
พ.ต.อ.เชษชัย เชษฐศิริ ผกก.สภ.วัดสิงห์ เปิดเผยว่า ตอนนี้เรื่องคดีความต้องแบ่งเป็น 2 คดี เพราะเหตุเกิด 2 ครั้ง คนละช่วงเวลากัน คดีแรกคือวันที่ 28 ตุลาคม 2561 ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายตามกระบวนการยุติธรรม ส่งเรื่องไปถึงเจ้าพนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว
โดย นายดำรงค์ ครูสอนวิชาพละ ให้การว่า จะพาเด็กหญิงไปทำบัตรประชาชนที่เทศบาลตำบลวัดสิงห์ เพื่อใช้ไปทำบัตรนักกีฬากรีฑา และไม่ได้ก่อเหตุตามที่ถูกแจ้งความ พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ผลการตรวจจากโรงพยาบาล ออกมาว่าอวัยวะเพศของเด็กหญิงผ่านการมีเพศสัมพันธ์มา ทำให้ผลการตัดสินคดีต้องรอศาลตัดสินตามขั้นตอน
ส่วนคดีที่ 2 ได้เกิดขึ้น เมือวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 ตอนนี้อยู่ในขั้นรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อส่งฟ้องศาล ตอนนี้ยังต้องรอผลพิสูจน์ทางการแพทย์ ส่วนประเด็นข้อหาที่พนักงานสอบสวนตั้ง ทั้ง 2 ดี คือ ข้อหาพรากผู้เยาว์ มีโทษจำคุก 5-20 ปี ปรับ 10,000 - 40,000 บาท และข้อหากระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม มีโทษปรับ 140,000 - 400,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานตามขั้นตอน ไม่มีการประวิงเวลาหรือถ่วงเวลา เพราะผู้ต้องหาเป็นข้าราชการ มีการส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจ ดูแลเรื่องความปลอดภัยอยู่ตลอด ได้หลักฐานก็รีบนำมาประกอบคดีทันที อยากให้ทางครอบครัวผู้เสียหายมั่นใจว่าความถูกต้อง อยู่เหนืออำนาจต่างๆ อย่างแน่นอน เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมีหน้าที่จับคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่แล้ว