"มัสยิดอาถรรพ์" แห่งอโยธยา! ตามทวงสัญญานายกฯ อินเดีย จนอาจหลุดเก้าอี้ผู้นำสมัยหน้า

"มัสยิดอาถรรพ์" แห่งอโยธยา! ตามทวงสัญญานายกฯ อินเดีย จนอาจหลุดเก้าอี้ผู้นำสมัยหน้า

"มัสยิดอาถรรพ์" แห่งอโยธยา! ตามทวงสัญญานายกฯ อินเดีย จนอาจหลุดเก้าอี้ผู้นำสมัยหน้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมืองอโยธยา เป็นเมืองโบราณตั้งแต่สมัยพุทธกาล เดิมชื่อเมืองสาเกต ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสรยุ ในรัฐอุตตรประเทศของประเทศอินเดีย บรรดาชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูเชื่อว่า พระราม ในมหากาพย์รามายณะหรือรามเกียรติ์ของไทยนั่นแหละ เคยครองราชย์ที่เมืองอโยธยานี้ โดยทุกปีในเดือนพฤศจิกายนซึ่งถือเป็นเดือนเกิดของพระรามและเดือนธันวาคมซึ่งเป็นเดือนที่พระรามแต่งงานกับนางสีดา จะมีชาวฮินดูมาแสวงบุญที่อโยธยาตามความเชื่อของชาวฮินดูเป็นมหกรรมงานใหญ่ทุกปี

แต่เมื่องอโยธยานี้เป็นชนวนปัญหาโต้แย้งในเชิงการเมือง ประวัติศาสตร์ และศาสนา อันเป็นความขัดแย้งระหว่างผู้นับถือศาสนาฮินดูและอิสลาม เนื่องจากตามคัมภีร์อโยธยานั้น มหาตมยา กล่าวว่า มีโบสถ์พระรามอยู่ที่รามโกฏ อันเป็นสถานที่เกิดของพระราม ชาวฮินดูอ้างว่ามีการรื้อถอนโบสถ์พระรามมาสร้างมัสยิดบาบรีเมื่อ พ.ศ. 2271 ตามคำสั่งของพระเจ้าบาบูร์แห่งราชวงศ์โมกุล จึงเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวอินเดียฮินดูและมุสลิมในบริเวณนี้แต่ก็ไม่รุนแรงนัก

จนกระทั่งหลังจากที่อินเดียได้เอกราชแล้ว ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2492 ชาวฮินดูได้นำเทวรูปของพระลักษณ์ พระราม และนางสีดา เข้าไปไว้ในมัสยิดซึ่งเป็นข้อห้ามของศาสนาอิสลามที่ไม่ให้มีรูปเคารพ จนมีเรื่องฟ้องร้องกันยืดยาวกว่า 30 ปี ก่อนจะมีคำสั่งศาลเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 ให้ชาวฮินดูเข้าไปสักการะเทวรูปของพระรามได้

ทั้งนี้ สันนิบาตราษฏริยะ สวยัมเสวกสังฆ์ ซึ่งเป็นสันนิบาตของชาวฮินดูหัวรุนแรง ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2468 ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการสร้างโบสถ์พระราม ณ บริเวณมัสยิดบาบรีตั้งแต่ พ.ศ. 2532 ทำให้พรรคการเมืองนำมาหาเสียงเพื่อจะได้รับการสนับสนุนจากชาวฮินดู ซึ่งรัฐบาลของ วี พี นรสิงห์ ต้องการจะแก้ปัญหานี้อย่างสันติ จึงให้ศาลสูงที่ลักเนาตัดสินว่ามัสยิดบาบรีตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นโบสถ์พระรามจริงหรือไม่ ก่อนจะมีการตัดสินชี้ขาดในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2535 สันนิบาตราษฏริยะ สวยัมเสวกสังฆ์และกลุ่มชาวฮินดูหัวรุนแรงอื่นๆ กลัวว่าคำตัดสินจะกลายเป็นข้อผูกมัด จึงจัดชุมนุมชาวฮินดูที่มัสยิดและเข้าไปทำลายมัสยิดบาบรีจนพังพินาศลงเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2535 รัฐบาลกลางจึงประกาศภาวะฉุกเฉินทั้งรัฐอุตตรประเทศ และสั่งจับกุมแกนนำที่ก่อให้เกิดการจลาจลหลายร้อยคน

อย่างไรก็ตาม การทำลายมัสยิดบาบรีมีผลกระทบต่อมุสลิมทั้งโลก มีการประท้วงของชาวมุสลิมจนเกิดการปะทะกับชาวฮินดูในนิวเดลี กัลกัตตา และบอมเบย์ มีการเผาโบสถ์ฮินดูประท้วงในปากีสถาน บังกลาเทศ และลอนดอน สรุปยอดรวมคนตายจากการทำลายมัสยิดบาบรีเมื่อ 26 ปีที่แล้วกว่าพันคนเลยทีเดียว

ครับ! คนสำคัญคนหนึ่งในการสนับสนุนกลุ่มชาวฮินดูหัวรุนแรงที่ทำลายมัสยิดบาบรีและต้องการสร้างโบสถ์พระรามชึ้นใหม่ก็คือ นายนเรนทรา โมที นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของอินเดียนั่นเอง แต่ครั้นเมื่อ นเรนทรา โมที ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องการสร้างโบสถ์พระรามขึ้นใหม่ที่เมืองอโยธยาอีกเลย จนจะมีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่ในปีนี้ (พ.ศ. 2562)

ดังนั้นเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ชาวฮินดูหัวรุนแรงหลายพันคนจึงจัดการเดินขบวนในกรุงนิวเดลี เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรีบจัดการผ่านกฎหมายที่จะสร้างโบสถ์พระรามขึ้นใหม่ที่เมืองอโยธยาตรงที่ที่เคยเป็นมัสยิดบาบรี มีหนุมานและคนถืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าถือเช่นคทา (กระบอง) ตรี (สามง่าม) เดินขบวนกันเกร่อ พร้อมกับขู่ด้วยว่าจะไม่เลือกนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมทีอีกในคราวหน้า หากไม่จัดการเรื่องการก่อสร้างโบสถ์พระรามที่เมืองอโยธยาให้เสร็จภายในปีหน้า

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ "มัสยิดอาถรรพ์" แห่งอโยธยา! ตามทวงสัญญานายกฯ อินเดีย จนอาจหลุดเก้าอี้ผู้นำสมัยหน้า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook