รวบหนุ่มฆ่ารัดคอ "อดีตสจ๊วต" หมกคอนโด ซ้ำสวมรอยส่งแชทไปยืมเงินแม่ผู้ตาย

รวบหนุ่มฆ่ารัดคอ "อดีตสจ๊วต" หมกคอนโด ซ้ำสวมรอยส่งแชทไปยืมเงินแม่ผู้ตาย

รวบหนุ่มฆ่ารัดคอ "อดีตสจ๊วต" หมกคอนโด ซ้ำสวมรอยส่งแชทไปยืมเงินแม่ผู้ตาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รวบแล้ว หนุ่มฆ่ารัดคออดีตสจ๊วตสายการบินชื่อดังหมกศพคาคอนโด อ้างผู้ตายหึงหวงไม่ให้กลับบ้านช่วงปีใหม่กลัวกลับไปเจอแฟนเก่า แถมแชทไปยืนเงินแม่ผู้ตาย แต่อีกฝ่ายเอะใจเสียก่อน

จากกรณี นายปรัชญา อายุ 59 ปี อดีตสจ๊วตสายการบินชื่อดัง และเป็นหุ้นส่วนร้านนวดแผนไทยแห่งหนึ่ง ย่านพหลโยธิน ถูกคนร้ายฆ่ารัดคอด้วยสายไฟฟ้า ภายในห้องพักชั้นที่ 8 คอนโดฯ ย่านดอนเมือง กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (8 ม.ค.) พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยว่า จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ พบว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา นายอธิพันธ์ อายุ 34 ปี นำรถยนต์ ฮอนด้า เอชอาร์วี สีดำ ทะเบียน 5กญ 8068 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของนายปรัชญา ผู้เสียชีวิต มาจอดไว้ที่ลานจอดรถเอกชนแห่งหนึ่ง ภายในซอยพหลโยธิน 69/7

เมื่อผู้ต้องหาเดินทางมาที่รถ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมนำตัวไปตรวจค้นที่หอพักของผู้เสียชีวิต และนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ดอนเมือง โดยนายอธิพันธ์  ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่านายปรัชญา เพราะโมโห ทั้งนี้ ผู้ต้องหาคบหากับผู้ตาย  ได้เข้า-ออกคอนโดฯ ที่เกิดเหตุอยู่เป็นประจำ

เจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหา นายอธิพันธ์ พิมพ์เรือง อายุ 34 ปี ฆ่าผู้อื่นและชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดเกิดเหตุก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายอธิพันธ์ พิมพ์เรือง อายุ 34 ปี ไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดแรก เป็นที่ห้องพัก ชั้น 8 คอนโดฯ ย่านดอนเมือง เจ้าหน้าที่ได้จำลองเหตุฆาตกรรม ขณะที่ผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้า

จากนั้นนายอธิพันธ์ ได้ใช้สายไฟรัดคอนายปรัชญาจนเสียชีวิต แล้วหยิบทรัพย์สินมีค่ามือถือ และขับรถของผู้เสียชีวิตไปที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อนำมือถือผู้เสียชีวิตไปขาย ก่อนจะกลับมาที่หอพักย่านสะพานใหม่และถูกจับกุมในที่สุด

นายอธิพันธ์ อายุ 34 ปี ให้การสารภาพว่า ก่อนหน้า เคยแต่งงานอยู่กันกินกับแฟนเก่าที่เป็นผู้ชายได้ 1 ปี แล้วเลิกรากันไป ต่อมาได้คบกับนายปรัชญาประมาณ  1 สัปดาห์ วันเกิดเหตุเดินทางมาห้องพักผู้ตาย และได้เสพยาไอซ์ด้วยกัน

แต่เมื่อตนจะกลับบ้านช่วงปีใหม่ ผู้ตายไม่ยอมให้กลับเพราะกลัวจะไปหาแฟนเก่า จึงมีปากเสียงทะเลาะเกิดการหึงหวง เมื่อผู้ตายหลับเพราะฤทธิ์ยาไอซ์ตนจึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุ โดยใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ก่อนจะหยิบทรัพย์สินไปเพราะไม่มีเงินติดตัว

นอกจากนี้ นายอธิพันธ์ ยังมีส่งข้อความการแชทไปหาแม่ของผู้ตาย เพื่อขอยืมเงิน 30,000 บาท โดยอ้างว่ากระเป๋าเงินหาย ขณะนี้อยู่ที่พัทยา แต่แม่ของนายปรัชญา เอะใจเพราะข้อความในไลน์ที่ส่งมานั้น มีการใช้คำว่า “ลูก” ซึ่งปกตินายปรัชญา จะไม่ใช้คำว่า ลูกเรียกแทนตัวเอง แม่ของนายปรัชญาจึงไม่โอนเงินไปให้

ยังพบว่าแชทของนายปรัชญายังมีการขอยืมเงินเพื่อนในกลุ่ม แต่เพื่อนของนายปรัชญายังไม่มีใครโอนเงินไปให้ อีกทั้งยังพบว่าแชทของนายปรัชญา มีการโพสท์ภาพก่อสร้างโบสถ์และให้บัญชีชื่อของนายอธิพันธ์เอาไว้ด้วย กลุ่มเพื่อนจึงเกิดความสงสัยว่าทำไมถึงต้องใช้บัญชีคนอื่น 

อย่างไรก็ตาม นายอธิพันธ์ ผู้ต้องหาในคดีนี้ เคยตกเป็นข่าวดังและเป็นที่ฮือฮามาแล้วเมื่อปี พ.ศ.2555 ที่ จ.อุดรธานี ซึ่งขณะนั้นนายอธิพันธ์ อายุ 28 ปี เข้าพิธีวิวาห์กับหนุ่มอุดรธานีรายหนึ่ง อายุ 19 ปี โดยมีสินสอดเป็นเงินสด 2 แสนบาท และทองคำหนัก 2 บาท

>> ฮือฮา! หนุ่มกรุงหอบสินสอดสู่ขอหนุ่มอุดร  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook