กทม.สู้ฝุ่นละออง "PM 2.5" ระดมฉีดน้ำ-ทำฝนหลวง! เร่งแจกหน้ากาก N95 หมื่นชิ้น
วันนี้ (14 ม.ค.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินมาตรฐานในเขตกรุงเทพมหานคร โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมควบคุมมลพิษ กรมการขนส่งทางบก กรมฝนหลวงและการบินเกษตร องค์การการขนส่งมวลชนกรุงเทพ กองทัพภาคที่ 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการตำรวจจราจร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยา กรมอนามัย กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค และหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้แก่ สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักอนามัย สำนักการโยธา สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ 6 กลุ่มเขต ร่วมประชุมที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)
ผู้ว่าราชการ กทม. กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) สูงเกินมาตรฐานในเขตกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมีความห่วงใย จึงให้ กทม.เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมด่วน เพื่อระดมความคิดเห็นกำหนดมาตรการป้องกันแก้ไขให้เป็นรูปธรรม เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น โดยกรมควบคุมมลพิษ จะร่วมกับกรมการขนส่งทางบก และกองบังคับการตำรวจจราจร ตรวจเข้มควบคุมรถปล่อยควันพิษ เพราะสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5 นั้น 60% เกิดจากรถเก่าเครื่องยนต์ดีเซล
ห้ามรถใหญ่เข้าเมืองช่วงกลางวัน-ฉีดน้ำ
รวมทั้งจะกำหนดเวลาห้ามรถใหญ่เข้ามาวิ่งในเขตเมือง ตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น. และขอความร่วมมือจังหวัดใกล้เคียงห้ามไม่ให้มีการเผาในที่โล่ง ซึ่งเป็นสาเหตุอีก 35% ที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5 พร้อมทั้งผนึกกำลังหน่วยงาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 1 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักการระบายน้ำ ร่วมกันระดมฉีดน้ำล้างถนน และฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่เวลา 17.00 น.วันนี้เป็นต้นไป โดยจะทำอย่างต่อเนื่องทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
ทำฝนหลวงระยอง เพื่อก่อเมฆเข้ากรุงเทพฯ
ในขณะที่กรณีโซเชียลมีเดียมีการแชร์ภาพการฉีดพ่นละอองน้ำหน้าเครื่องวัดค่าฝุ่นละอองเพื่อทำให้ค่าลดลงนั้น เป็นการไปฉีดพ่นในพื้นที่จุดที่วัดค่าได้สูง เพราะการวัดค่าไม่ได้ใช้ค่าปัจจุบันในเวลานั้น แต่เป็นการเก็บข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมงวัดเป็นค่าเฉลี่ย ส่วนการทำฝนหลวงในพื้นที่กรุงเทพฯ มีข้อจำกัดที่เป็นเส้นทางขึ้นลงการบิน ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง การจะขึ้นบินทำฝนหลวงได้จะต้องห่างออกไป 50 ไมล์ ประกอบกับการจะทำฝนหลวงได้ ต้องมีค่าความชื้นสัมพัทธ์ 60% ขึ้นไป ซึ่งขณะนี้วัดได้ที่ 40% คาดการณ์ภายในวันที่ 19 ม.ค.นี้ จะมีความชื้นสัมพัทธ์ 60% สามารถขึ้นบินทำฝนหลวงได้ โดยจะไปทำที่ จ.ระยอง ก่อเมฆให้ลมพัดเข้ามาสู่กรุงเทพฯ นอกจากนี้ สำนักการโยธาได้ประสานขอความร่วมมืออาคารสูงในพื้นที่กรุงเทพฯ ฉีดน้ำเป็นละอองฝนลงมาช่วยลดฝุ่นละอองด้วย
แจกหน้ากาก N95
สำหรับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์จากสภาพอากาศว่าจะอยู่ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม โดยวันนี้วัดค่าสูงสุดได้ที่บริเวณดินแดง วัดได้ 70 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ซึ่งเกินมาตรฐาน 50 ไมโครกรัม ที่จะมีผลต่อสุขภาพ แนะนำประชาชนใส่หน้ากากป้องกันฝุ่น โดยกรุงเทพมหานคร รวบรวมหน้ากากป่องกันฝุ่น N95 จำนวน 10,000 ชิ้น จะแจกจ่ายให้ประชาชนในจุดที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูง อาทิ สวนลุมพินี บางขุนเทียน จตุจักร ราชประสงค์ โดยวันนี้เวลา 17.00 น. ผู้ว่าฯ กทม.จะไปแจกที่งานอุ่นไอรัก คลายความหนาว
ทั้งนี้ สำนักอนามัย กรุงเพทพมหานคร แนะประชาชนหลีกเลี่ยงไปในพื้นที่เสี่ยงริมถนน โดยเฉพาะที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน แต่หากมีความจำเป็นต้องเดินทาง ให้ใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน กรณีช่วงนี้หน้ากากกันฝุ่น N95 ขาดตลาด สามารถใช้หน้ากากอนามัยธรรมดาป้องกันได้ เพราะไม่ได้อยู่ตลอด 24 ชั่วโมง หน้ากากกันฝุ่น N95 นั้น สำหรับผู้ที่ทำงาน หรือต้องอยู่บนนถนนที่ต้องเจอกับฝุ่นควันตลอดเวลา