เตือนไว้เพื่อกันลืม! อำนาจ คสช. ที่ยังมีอยู่จริง
จากท่าที พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และเลขาธิการ คสช. ถึงคำว่า “อย่าล้ำเส้น” บ่งชี้ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า ไม่ใช่แค่เตือนธรรมดา แต่เป็นการแสดงเจตนาชัดเจนให้กลุ่มผู้ประท้วง หยุดพฤติกรรมต่างๆ นานา ที่จะทำให้สถานการณ์บานปลาย หรือเกินที่จะรับได้ กับการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางประชาธิปไตย
>> จับอาการ "สัญญาณปราม" ท่ามกลางการเมืองเคลื่อนไหวคึกคัก
ต้องไม่ลืมว่า แม้ประเทศกำลังเดินหน้าเข้าสู่ประชาธิปไตย กำลังจะมีการเลือกตั้งตามกรอบของกฎหมาย แต่อำนาจของ คสช. อำนาจที่มาจากการรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ยังคงมีอยู่ และยังสามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง
บรรดาประกาศ คำสั่งเดิม ที่มีมาตั้งแต่วันแรกของการยึดอำนาจ ก็ไม่ได้ถูกยกเลิกทั้งหมด ยังคงมีอยู่ และบังคับใช้อยู่ แม้บางคำสั่งจะถูกยกเลิกด้วยเหตุผลบางประการ และเพื่อให้เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง แต่เชื่อว่าหากจำเป็นหรือสถานการณ์พาไป หัวหน้า คสช.ก็สามารถนำประกาศที่ยกเลิกไปแล้ว กลับมาใช้ใหม่ได้อีก
ใครจะอ้างว่ารัฐธรรมนูญ 2560 มีผลใช้บังคับมาแล้วเกือบ 2 ปี อำนาจ คสช. ควรหมดไปได้แล้วนั้น ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดถนัด เพราะมีการยกเอาอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของ คสช. คือ “ดาบวิเศษ” มาตรา 44 ที่ใช้ชี้เป็น-ชี้ตาย เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน ที่อยู่ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 มาใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับถาวรปี 2560 ที่ผ่านประชามติมาแล้ว ในมาตรา 265 ให้ คสช. ใช้อำนาจไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ นั่นจึงเท่ากับว่า คสช. สามารถใช้อำนาจเบ็ดเสร็จต่อไปได้อีก จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาแทนที่
ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจว่า การส่งสัญญาณ “อย่าล้ำเส้น” นั้น ผู้มีอำนาจ แค่ขู่ แค่เตือน แค่ปราม หรือจะทำอะไรจริงจังมากน้อยแค่ไหน เพื่อประคองให้สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ราบรื่นตามที่ คสช. ต้องการ เพื่อให้มีการเลือกตั้งเป็นเครื่องหมายการันตีการคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนโดยสมบูรณ์แบบ พร้อมกับจัดงานพระราชพิธีสำคัญของประเทศให้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติในเวลาเดียวกันนั่นเอง