ขนลุกหน้าเมรุ วิญญาณลูกชาย ส.ท.ดัง เฮี้ยนเข้าสิง-ลั่นไม่ให้เผา หลังถูกยิงตายปริศนา

ดวงวิญญาณลูกชาย ส.ท.ภูเก็ตคนดัง เฮี้ยนเข้าสิงร่างพี่สาว ตอนกำลังจะประชุมเพลิง ร้องลั่นไม่ให้เผาศพ เพราะยังไม่ได้รับความยุติธรรม ญาติตัดสินใจยกเลิกพิธี-เก็บศพเอาไว้ก่อน

(23 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่วัดกะทู้ หมู่ที่ 4 ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ นายธีรศักดิ์ หรือ โม ลูกชายของ นายเจริญ แซ่อ๋อง สมาชิกสภาเทศบาลตำบลรัษฏา เขต 1 ได้มีพิธีสวดพระอภิบังสุกุลศพ และประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวข้อง ก่อนทำการเคลื่อนศพไปยังเมรุเพื่อทำการฌาปนกิจ โดยญาติและเพื่อนสนิท รวมทั้งกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นมาร่วมในพิธีจำนวนมาก

โดยหลังจากเสร็จพิธีทางสงฆ์ จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายศพออกจากศาลา เพื่อขึ้นไปยังเมรุด้านหลังวัด ด้วยบรรยากาศโศกเศร้า เพื่อนๆ ของผู้เสียชีวิต ได้นำรถจักรยานยนต์ 3 คัน ทำการเร่งเครื่องเสียงดังสนั่น เพื่อเป็นการไว้อาลัยส่งแก่เพื่อนรัก ก่อนจะเข้าสู่พิธีฌาปนกิจ แต่ระหว่างที่เตรียมการประชุมเพลิงอยู่นั้น นางสาวแตง พี่สาวของผู้เสียชีวิต ก็เกิดอาการตั่วสั่นเทา ก่อนจะกรีดร้องเสียงดัง ญาติๆ ต้องช่วยกันจับตัวไว้

เมื่อจับใจความสำคัญจากเสียงที่ตะโกนออกไปนั้น ระบุว่า ตนเองคือดวงวิญญาณของนายธีรศักดิ์ ไม่ต้องการให้เผาศพเป็นอันขาด ถึงแม้ว่าผู็เป็นพ่อจะพยายามเข้าไปคุยและร้องขอ แต่ก็ไม่เป็นผล พี่สาวที่เชื่อว่าถูกดวงวิญญาณน้องชายเข้าสิงยังคงร้องโหยหวย และเริ่มมีอาการอิดโรย

>> มือปืนสั่งตาย ลูกชาย สท.ชื่อดังภูเก็ต พร้อมชิงปืนพกเหน็บที่เอวหายไป

กระทั่งในท้ายที่สุด ครอบครัวและญาติๆ จึงได้ลงความเห็นยกเลิกพิธีฌาปนกิจครั้งนี้ลงไป โดยจะขอเก็บศพ นายธีรศักดิ์ เอาไว้โดยไม่มีกำหนด และหลังจากนั้นปรากฏว่า พี่สาวของผู้เสียชีวิตก็เริ่มมีอาการสงบนิ่งลง ท่ามกลางความอ่อนเพลียจากเหตุที่เกิดขึ้น ญาติๆ พาตัวไปรดมนต์เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีตามความเชื่อ

พี่สาวของผู้เสียชีวิตเริ่มมีอาการเปลี่ยนไปและโวยลั่นที่หน้าเมรุ

ขณะที่ นายเจริญ พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองเชื่อว่าลูกชายยังไม่ต้องการให้เผาศพ เนื่องจากคดียังไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำให้ต้องเก็บศพไว้ต่อไม่มีกำหนด ขณะนี้ตนยังรู้สึกคาใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประกันตัวผู้ต้องหาออกไป และไม่ชี้แจงความคืบหน้าใดๆ

นอกจากนี้ตนยังไม่ทราบว่าผู้ต้องหาเป็นใคร จึงมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของครอบครัว ก่อนหน้านี้มีความคิดที่จะแห่โลงศพไปยังศาลากลางจังหวัด เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย แต่เมื่อมาพิจารณาแล้วก็คิดว่าคงไม่เหมาะสม จึงขอพึ่งพากระบวนการยุติธรรมแทน

ส่วนประเด็นที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ลูกชายมีอาวุธปืนและเปิดฉากยิงก่อนนั้น จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุไม่พบอาวุธปืนของลูกชาย อยากถามว่ามันหายไปไหน ผู้เสียชีวิตไม่สามารถโยนปืนทิ้งเองได้ ขณะเดียวกันก็มีแค่พยานของอีกฝ่าย ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงคำให้การและหลักฐานได้

โดยหลังจากนี้ตนจะดำเนินการทางกฏหมายต่อไป เพื่อให้เกิดความยุติธรรมให้กับลูกชาย ตนทำงานการเมืองท้องถิ่นแต่ยังไม่ได้รับความยุติธรรม แล้วถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับชาวบ้านทั่วไปคงไม่ต้องพูดถึง ตนมีลูกชายแค่คนเดียว เขาเลวบ้าง ดีบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นผู้ก่อการร้าย

อย่างไรก็ตาม ตนก็ฝากถึงผู้หลักผู้ใหญ่ให้ความเป็นธรรมกับตนกับลูกชายด้วย ยังหวังพึ่งกระบวนการยุติธรรมและเชื่อว่ากฏหมายไทยจะมีความยุติธรรมอยู่