พ่อแม่ใจสลาย! ครูเนอร์สเซอรี่อุ้มทารกลื่นล้มห้องน้ำ-หนูน้อยดับ

พ่อแม่ใจสลาย! ครูเนอร์สเซอรี่อุ้มทารกลื่นล้มห้องน้ำ-หนูน้อยดับ

พ่อแม่ใจสลาย! ครูเนอร์สเซอรี่อุ้มทารกลื่นล้มห้องน้ำ-หนูน้อยดับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อ้างเด็กสำลักนม แต่หมอยืนยันผลชันสูตร เลือดคั่งสมอง

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 22 พ.ค. นายนรินทร์ ไชยลังกา อายุ 33 ปี และน.ส.ญาฐลิภัทร ไชยลังกา อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ดรุน ทุ่นใจ พนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ กรณีด.ช.รักสกุล ไชยลังกา หรือน้องเหนือ ลูกชาย วัย 9 เดือนเสียชีวิต หลังจากส่งไปเลี้ยง ที่สถานรับเลี้ยงเด็กไม่มีชื่อ เลขที่ 278 หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยมี นางพิมพา ปัญญาแก้ว หรือครูตุ่น เป็นผู้รับเลี้ยงเด็ก

น.ส.ญาฐลิภัทร ให้การว่า ก่อนหน้านี้นางพิมพา ได้มาติดต่อกับตนพร้อมกับโฆษณาว่าเขาเปิดสถานรับเลี้ยงเด็ก ตั้งแต่อายุ 3 เดือนไปจนถึงระดับอนุบาล เพียงราคาเดือนละ 2,500 หากตนสนใจจะลดให้พิเศษเหลือเพียง 1,200 บาทก่อน หากติดใจก็จะคิดราคา 2,500 บาทเท่าเดิม ตนจึงนำลูกไปฝากเลี้ยงเพื่อหางานทำแบ่งเบาภาระสามี โดยตนมักจะแอบไปดูลูก ไม่ให้นางพิมพารู้ เนื่องจากยังไม่ได้ไปทำงาน กระทั่งเมื่อวันที่ 18 พ. ค. ช่วงบ่าย ก็ได้แอบไปดูลูกของตน เห็นกำลังเล่นอยู่ จึงกลับมาที่บ้าน กระทั่งเวลา 16.00 น. ได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านว่าลูกของตนถูกนำตัวส่งไปยังสถานีอนามัยยางเนิ่ง เป็นการด่วน ตนจึงได้รีบรุดไปดูพบลูกตนอยู่ในสภาพตัวเขียวหายใจรวยระริน โดยเจ้าหน้าที่บอกว่านางพิมพาบอกว่าเด็กจู่ ๆ ก็หมดสติ สงสัยสำลักนม จากนั้นก็ได้ขอตัวกลับไปยังสถานรับเลี้ยงเด็ก ทางสถานีอนามัยเห็นสภาพเด็กแล้วจึงส่งต่อไปยัง รพ.สารภี จ.เชียงใหม่ ทางโรงพยาบาลได้พยายามช่วยชีวิตเด็กแล้วแต่ไม่ทราบอาการแน่ชัด จากนั้นได้รีบส่งตัวน้องเหนือไปยัง รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ โดยตนและสามี ติดตามไปด้วย ปรากฏว่าแพทย์ได้ทำการตรวจสอบพบว่า เด็กชายรักสกุล นั้นบริเวณท้ายทอยด้านขวาบวมคล้ายถูกกระแทกจากของแข็ง และแพทย์ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจ กระทั่ง วันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมาน้องเหนือ ก็เสียชีวิตลง จากการผ่าตรวจพิสูจน์ของแพทย์ รพ.มหาราช ได้ระบุสาเหตุของการเสียชีวิตว่า มาจาก "เลือดออกใต้เนื้อหุ้มสมอง"


น.ส.ญาฐลิภัทร กล่าวว่าว่า ปกติลูกชายตนแข็งแรงดี แต่นางพิมพาไม่ยอมแจ้งความจริงกับเจ้าหน้าที่อนามัยว่าลื่นล้มในห้องน้ำขณะ อุ้มลูกแล้วหัวของน้องเหนือไปกระแทกขอบอ่างอาบน้ำ ก็อาจจะช่วยชีวิตไว้ทัน แต่นางพิมพาไม่สนใจและรีบเดินทางกลับไปสถานรับเลี้ยงเด็กทันทีหลังนำมาส่ง และเมื่อตนนำศพลูกมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน นางพิมพา ก็มาร่วมทำบุญโดยซื้อข้าวสารมา 1 กระสอบ พร้อมกับนำเงินสดจำนวน 8,000 บาท มาให้และบอกญาติพี่น้องตนว่าอย่าเอาเรื่อง เพราะไม่มีเงินและกลัวเสียชื่อสถานรับเลี้ยงเด็ก

ภายหลัง พ.ต.ท.ดรุน ทุ่นใจ พนักงานสอบสวน ได้เดินทางไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กของนางพิมพา หรือครูตุ่น อายุ 44 ปี ตั้งอยู่เลขที่ 278 หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ พบว่ากำลังทำการตกแต่งก่อสร้างบางส่วน และมีเด็กเล็กที่ครูตุ่นรับเลี้ยงดูไว้จำนวน 10 กว่า คนนอนอยู่ห้องด้านหลัง โดยนางพิมพา ให้การว่า เพิ่งเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กไม่กี่เดือน และกำลังทำเรื่องขอใบอนุญาต สำหรับน้องเหนือที่เสียชีวิตนั้น ตนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยตนได้อุ้มน้องเหนือ ไปในห้องน้ำ แล้วลื่นล้มแต่ได้คว้าน้องเหนือไว้ทัน ตอนนั้นคิดว่าเด็กคงไม่เป็นอะไร กระทั่งต่อมาเด็กเริ่มตัวเขียวและไม่ได้สติ ตอนแรกคิดว่าคงจะสำลักนม จึงรีบนำตัวเด็กส่ง สถานีอนามัยและสาเหตุที่รีบกลับเนื่องจากเด็กได้ปัสสาวะรดตัวเองจนเปียกไป ทั้งตัวจึงรีบกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้า มารู้อีกทีว่าน้องเหนือถูกส่งต่อไปยัง รพ.สารภี และ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่แล้ว กระทั่งเสียชีวิตในที่สุดตนรู้สึกเสียใจอย่างมากแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นก็จะขอปิดชั่วคราวก่อนตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. เป็นต้นไป

พ.ต.ท.ดรุน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องไปสอบปากคำแพทย์ที่ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุของการเสียชีวิตอีก ครั้งว่า กรณีเลือดออกใต้เนื้อหุ้มสมอง จนทำให้เสียชีวิตนั้นน่าจะเกิดจากอะไร หากพบว่าเกิดจากของแข็งหรือแรงกระแทก ก็น่าเชื่อว่าเกิดจากที่นางพิมพา ลื่นล้มขณะอุ้มเด็กและศีรษะเด็กไปฟาดกับของแข็งในห้องน้ำก็อาจจะเป็นได้ ซึ่งก็คงต้องดำเนินคดีทางอาญา ในข้อหากระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต รวมทั้งเรื่องเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไม่มีใบอนุญาตอีกข้อหาหนึ่ง ซึ่งจะได้เชิญตัวมาสอบปากคำอีกครั้งและแจ้งข้อหาดำเนินคดีกันต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook