“ฝ้าย สุภาพร” ควงแขน “ณวัฒน์” เคลียร์ หลังถูก “เต๋า ทีวีพูล” แฉ แพ้คดีแต่ยังใช้ชีวิตติดหรู
จากกรณีที่ เต๋า ทีวีพูล พิธีกรรายการบันเทิงที่หลายคนรู้จัก ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงดาราสาวรายหนึ่งที่เพิ่งจะแพ้คดีความ ปัจจุบันงานแน่น ใช้ชีวิตหรูหราท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ติดหนี้เจ้าตัวเกือบ 2 ล้านบาท จนหลายคนสงสัยว่าดาราคนดังกล่าวคือใครกันแน่
ซึ่งงานนี้ ฝ้าย-สุภาพร มะลิซ้อน นักแสดงสาวดีกรีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2016 ต่างถูกพุ่งเป้ามาเต็มๆ โดยล่าสุดเจ้าตัว พร้อมกับ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวดังกล่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง
จากกรณีที่ เต๋า ทีวีพูล ออกมาโพสต์ข้อความทวงหนี้จากนางงามคนหนึ่ง แล้วระบุว่าศาลตัดสินเรียบร้อยแล้ว ซึ่งภายหลังมีเอกสารออกมายืนยันว่าเป็นฝ้าย ทำให้คนเข้าใจไปว่าเป็นเรา เราอยากชี้แจงเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้าง ?
ฝ้าย : “ตอนนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้วก็ปล่อยให้ไปตามนั้น ตอนนี้ถามว่าเราสู้เต็มที่ไหม เราก็สู้เต็มที่ค่ะ”
ณวัฒน์ : “มันมีหลายเรื่องซับซ้อนหลายอย่าง ตอนนี้ตัวฝ้ายกับตัวผมและทีมงานทางกฎหมายอยู่ในขั้นตอนที่มันกำลังเคลื่อนที่ไป การที่เราได้ทราบข่าว จากข่าวที่ออกไป ที่ผ่านมามีการโพสต์ว่าทางฝ้ายแพ้คดี และต้องชดใช้จำนวนเงินนั่นนี่ เราก็ค่อนข้างจะสงสัยเหมือนกันว่าทั้งหมดทั้งมวลมันคืออะไรที่เป็นข้อเท็จจริงบ้าง จนเมื่อวันที่ 27 เราก็เพิ่งได้เห็นข่าว จากสำนักข่าวหนึ่งซึ่งสัมภาษณ์ค่อนข้างละเอียด บอกชื่อและนามสกุลของฝ้าย เราก็จะพูดในสิทธิ์ของเราเฉยๆ นะครับว่า ณ ขณะนี้คดียังไม่ได้ตัดสินครับ ทุกอย่างที่ผมพูดผมรับผิดชอบ จะเริ่มสืบครั้งแรกวันที่ 22 เม.ย. กระบวนการยุติธรรมยังไงมันก็มีความยุติธรรม แต่เรื่องที่มันเกิดขึ้นถ้าดูถึงปลายทางที่มีการโพสต์ออกมาว่าชนะ มีการให้ข่าวออกมาว่าชนะ ผมเกรงว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้น มันจะเป็นการให้ข้อมูลไม่ตรงกับศาล ซึ่งมันอันตราย เพราะตอนนี้ศาลท่านพิจารณาอย่างถ่องแท้ให้มีการพิจารณาความใหม่ทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาทางเราไม่เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม”
ณวัฒน์ :ผมขออนุญาตพูดแทนน้อง เนื่องจากน้องอาจจะไม่ถนัด เพราะตัวผมเป็นคนไปปฏิบัติแทนน้องเขามา เราก็รับรู้ร่วมกันมาตลอดเวลา น้องอาจจะไม่เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ฝ่ายนั้นมีการสั่งฟ้อง น้องไม่ทราบเลย ตัวผมก็ไม่ทราบอะไรเลย เงียบกันหมด ซึ่งวิธีการต่างๆ ในการเข้าถึงเรามันก็มีหลากหลายวิธี วิธีการที่ส่งไปที่บ้านมันก็เป็นไปได้ แต่ถ้าไม่มีใครรับ จะเป็นวิธีการออกสื่อก็เป็นไปได้ แต่สื่ออะไร เราจะไปรู้ที่ไหนว่าสื่อนั้นอยู่จังหวัดอะไร อันนี้ก็เป็นไปได้ มันเป็นไปได้ทั้งนั้นไม่ถือว่าเป็นความผิดของใคร เคยติดต่อเรามาที่ไหน เคยยื่นโนติสเรามาสถานที่แห่งใดก็เจอเราทุกครั้ง เพราะฝ้ายเซ็นสัญญาอยู่ในสังกัดฮอลิเดย์เทเลวิชั่น มิสแกรนด์ไทยแลนด์อยู่ที่ทาวน์อินทาวน์ ซึ่งเราก็ได้รับจดหมายจากบุคคลนั้นในการทวงถาม รวมถึงฝ้ายเป็นศิลปินในช่อง 7 hd ที่มีการเซ็นสัญญาถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งฝ้ายเป็นคนสาธารณะ”
จะบอกว่าที่ผ่านมาฝ้ายไม่ได้รับหมายฟ้อง ?
ณวัฒน์ : “เมื่อไม่ได้รับหมายฟ้องก็ควรจะส่งหมายมาที่โนติสแล้วเราจะได้รับ แต่ในเมื่อทุกอย่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร เวลาผ่านไปเราไม่รู้ว่าทางผู้พิพากษาท่านเรียกวันไหน ไม่มีสิทธิ์ได้รู้เลย จนในที่สุดมีการพิพากษาไปแล้ว แล้วก็ยังเงียบต่ออีก 30 วัน ถ้าเรารู้ก็ยังดี เราจะใช้กระบวนการในการอุทธรณ์เพราะสามารถอุทธรณ์ได้ 30 วัน แต่ว่าทุกอย่างเหมือนมีความเงียบผิดปกติ โดยที่ให้พ้นไปอีก 30 วันแล้ว ถึงเริ่มมาโพสต์เล่นกัน ซึ่งในเนื้อข่าวเมื่อวันที่ 27 มีเขียนระบุแล้วซึ่งถ้าเขาคิดว่ามันเป็นอย่างนั้น มันก็เป็นอย่างนั้นครับ ในสิ่งที่เขารู้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ม.ค. เราได้การอนุมัติอย่างเป็นทางการจากศาล จากผู้พิพากษาคดีให้เริ่มต้นพิจารณาคดีใหม่ เมื่อเราเริ่มมาถูกต้องในกระบวนการยุติธรรมแล้ว เราไม่ได้บอกว่าเราผิดหรือเราถูก แต่เราได้สิทธิ์นั้นคืนมาในการไต่สวน”
ที่ได้สิทธิ์นั้นคืนมาเพราะว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้รับหมายศาล ?
ณวัฒน์ : “การไม่ได้รับหมายศาลไม่ได้หมายความว่าเราจะได้รับสิทธิ์ จะต้องมีเงื่อนไข มีวิธีการ มันเป็นเรื่องของทางกฎหมาย มันมีเหตุผลเพียงพอที่จะเชื่อได้ว่าเราถูกกีดกันเข้าสู่กระบวนการโดยไม่มีสิทธิ์รับรู้ ถ้าจะตามฝ้ายง่ายมากครับ เพราะเวลาทวงเงินยังมาถูกที่เลย เวลาจะพาขึ้นศาลทำไมมาไม่ถูกที่เสียที เรารู้เราไป”
เราคิดว่ากระบวนการของเขาไม่โปร่งใสในการพยายามจะส่งเรื่องมาถึงเรา ?
ณวัฒน์ : “มันไม่เกี่ยวกับความโปร่งใสหรือไม่โปร่งใส เราทำในหน้าที่ของเรา คืออยู่ในกระบวนการยุติธรรม เรารักษาสิทธิ์ของเราแต่เราก็เคารพสิทธิ์กับผู้กล่าวหา อันนั้นเป็นเรื่องของเขาเพราะเราก็เคารพเขาอยู่ตลอดเวลา”
มีตรงไหนที่ต้องเคลียร์กันบ้าง เขาอยากได้สิทธิ์ตรงไหน ?
ณวัฒน์ : “ตอนนี้เป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว นับจากวันนี้เราไม่สามารถตอบได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ ณ ตอนนี้คำพิพากษายังไม่มีครับ”
อย่างกรณีที่เขาบอกว่าส่งหมายศาลไปให้ฝ้ายตามที่อยู่บัตรประชาชน แต่ว่าโดนตีกลับตลอด พอเช็คไปที่หมู่บ้านปรากฏว่าบ้านเลขที่นี้ไม่มี ?
ฝ้าย : “การส่งหมายศาลไปที่ภูมิลำเนาตามที่อยู่ทะเบียนบ้าน ตามทะเบียนราษฎร์จังหวัดลพบุรี ถูกต้องไหม ถูกต้องนะคะ แต่ในตอนนี้บ้านมันไม่มีสภาพของความเป็นบ้านอยู่แล้วเพราะได้ถูกรื้อถอนไปหมดแล้ว”
ณวัฒน์ : “เอาอย่างนี้นะครับ ด้วยหลักการถ้าพูดให้ชัดเจนก็ส่งตามทะเบียนบ้านก็ได้ ส่งตามที่ทำงานที่เราสามารถเจอซึ่งหน้าก็ได้ ที่ไหนก็ได้ที่รู้ว่าเจ้าตัวจะต้องเห็น เนื่องจากว่าบ้านฝ้ายเป็นบ้านสมัยก่อน แล้วมันพังเลยไม่มีใครอยู่ รื้อถอนจนเหลือแค่ต้นเสา จริงๆ จะไปประกาศผ่านสื่อก็ทำได้ แต่จนตอนนี้ไม่รู้ว่าสื่อเล่มไหน เรายังหาไม่เจอ ถ้าอยากให้เราได้มีสิทธิ์ในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแบบจริงๆ ยังไงติดต่อเราได้ทุกเวลาอยู่แล้ว”
คิดว่าเขามีเจตนาอื่นแอบแฝงในการที่เขาส่งไปตรงนั้นไหม ?
ณวัฒน์ : “ก่อนหน้านี้เราไม่ทราบจริงๆ เราทราบเฉพาะเรื่องของเรา เราเข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม”
จุดเริ่มต้นมาจากที่เขาบอกว่าฝ้ายจ่ายส่วนแบ่งไม่ครบ ฝ้ายไม่ยอมขายบ้านขายรถเพื่อแบ่งส่วนแบ่งเลยนำมาซึ่งการฟ้องร้อง ?
ฝ้าย : “เรื่องที่ทุกคนอยากทราบ ตอนนี้กำลังอยู่ในกระบวนการชั้นศาล ถ้าพูดออกไปมันจะไม่เป็นผลดีกับรูปคดี ถามว่าอยากพูดไหมตอนนี้อยากพูดค่ะ แต่มันไม่เป็นผลดีเพราะตอนนี้ทุกอย่างได้อยู่ในขั้นตอนของศาลแล้วเป็นที่เรียบร้อย”
เราเซ็นสัญญากับเขาจริงๆ ?
ฝ้าย : “เซ็นค่ะ ส่วนแบ่ง 50:50”
ณวัฒน์ : “แต่มันมีเงื่อนไขอย่างอื่นด้วย”
ฝ้าย : “มันไม่ได้มีแค่เงื่อนไขเดียว”
ณวัฒน์ : “เราต้องดูในเงื่อนไขและสภาพความเป็นจริง ในข้อมูลทุกพยานว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่ปรากฏในสัญญามันตรงกันหรือเปล่า อย่างแรกเลย ผมไม่รู้นะครับเพราะผมก็ทำงานในระดับอินเตอร์เนชันแนล สัญญาทุกฉบับควรจะมีแสตมป์อากร และต้องเซ็นซึ่งหน้า ซึ่งสัญญาที่ผมเห็นมันไม่มีอากร ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ทางกฎหมายได้หรือเปล่า แล้วที่บอกว่ากู้เงินมาฟ้องดอก 20 ผมก็คิดว่าทางรัฐบาลจะต้องตรวจสอบคนที่มาฟ้องว่าไปกู้เงิน 20 ผิดทั้งอาญาและผิดทั้งการเงินการธนาคาร เรื่องนี้ผมขอร้องเรียนด้วย เพราะว่ามีหลักฐานซ้ำๆ หลายครั้งว่ามีการกู้เงินในดอก 20 เปอร์เซ็นต์ ผมอยากให้คนที่ให้กู้รับผิดชอบก่อน เพราะ 20 เปอร์เซ็นต์ผิดกฎหมายเมืองไทย เรื่องนี้ผมคิดว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น ผมคิดว่ามันหมิ่นเหม่ต่อการทำให้คนอื่นอ่านแล้วนึกในใจจะไปปล่อยกู้ดอกร้อยละ 20 ได้อีก อันนี้เราต้องเอากันให้ชัดเจนในทุกจุด เรื่องของความเสียหายอย่างอื่นยังมีอีกเยอะ หลายๆ อย่างเราก็มีหลักฐานของเรา เราก็เคารพในคู่กรณี”
ฝ้ายมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองขนาดไหน ?
ฝ้าย : “หนูมั่นใจมากค่ะ เพราะหนูไม่เคยโกงใคร สิ่งที่หนูพูดมาในวันนี้ หนูมีหลักฐานทุกอย่าง ถ้าไปถึงกระบวนการชั้นศาล หนูไม่ได้มีแค่หลักฐาน หนูมีพยานบุคคลด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของศาล เพราะหนูค่อนข้างที่จะบริสุทธิ์ใจ และต้องขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่ทำให้ได้เข้ามาสู้คดีอีกครั้ง”
เกิดอะไรขึ้น ทำไมเราถึงไม่ได้แบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ตามสัญญา ?
ณวัฒน์ : “มันมีหลายๆ อย่างที่ค่อนข้างจะเหมาะสม สมควร สำหรับความรู้สึกของผมนะ โอเคการเซ็นสัญญาต้องรับผิดชอบในเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเช่น ปีนี้ก็มีนะครับ บัตรของขวัญจากคลินิกในมูลค่า 500,000 บาท ถ้าอยากได้ก็ต้องไปทำคนละครึ่ง เพราะเขาเขียนไว้อยู่แล้วว่าห้ามเปลี่ยนเป็นเงินสด ทีนี้น้องจะอยู่ในภาวะแบบไหนที่จะต้องชำระเป็นเงินสด มันก็งงนะครับ เพราะบางอย่างเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเราก็ยินดีถ้าจะเอาแบบนั้น หมายถึงยังไม่มีเรื่องในตรงนี้นะครับ แต่เขาให้อะไรเราก็ต้องเอาแบบนั้น มันเป็นเรื่องปกติของสังคม แต่ถ้าเขาให้บัตรของขวัญไปรับประทานอาหาร ไปกินกับเพื่อน 2 คน แต่เพื่อนไม่ไป เพื่อนบอกเอาเงินสดมา ให้บัตรเธอไป คุณก็คงไม่ยอมควักเงินสดให้เพื่อน อันนี้มันเป็นเรื่องปกติ แต่เพียงแค่เราก็เคารพในสิ่งที่อยากได้ ทางฝ่ายนู้นก็ไม่ได้มีอะไรผิด เพราะทุกอย่างก็เป็นเรื่องที่มีเหตุมีผลของใครของมัน”
อย่างเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น มีแผนจะช่วยฝ้ายยังไงบ้าง ?
ณวัฒน์ : “จริงๆ น้องอยู่ในสังกัด ผมก็ต้องดูแลอยู่แล้วครับ เต็มความสามารถ”
ฝ้าย : “พี่ณวัฒน์ไม่เคยห่างไปไหนเลย ไม่ว่าจะยังไง ฝ้ายเป็นมิสแกรนด์ไทยแลนด์มีสังกัด เซ็นสัญญาชัดเจน อยู่ในช่อง 7 ด้วย ฝ้ายมีผู้ใหญ่ที่คอยอยู่ข้างๆ คือพี่ณวัฒน์ พูดได้เลยว่าอยู่กับฝ้ายตลอดเวลา เราคุยกันแทบจะ 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรพี่ณวัฒน์ก็จะรู้ด้วย”
หลังจากนี้ต้องสู้คดีจริงจังแล้ว มีความกังวลมากแค่ไหน ?
ณวัฒน์ : “วันที่ 22 เม.ย. นัดแรกครับ บ่ายโมงตรง”
ฝ้าย : “ก็เต็มที่ค่ะ กำลังใจก็มีอยู่รอบๆ เต็มไปหมดเลย ขอบคุณทุกๆ คนที่ให้กำลังใจฝ้ายด้วย ฝ้ายไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้เลย แต่ถ้าถามว่ามีเสียขวัญไหม ตกใจมากกว่าค่ะ แต่เราก็ต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่ค่ะ”
รู้สึกว่าผิดพลาดไหมที่ไปรู้จักกับเขา ?
ฝ้าย : “ไม่ค่ะ การที่เราจะรู้จักใครสักคน มันก็เป็นเรื่องดี ส่วนดีของบุคคลเหล่านั้นก็มี เหรียญมันมีสองด้านเสมอ บางทีเราก็ไม่ได้รู้ด้านดีหรือด้านไม่ดีของใคร แต่ถ้าถามว่ารู้สึกผิดไหม หรือรู้สึกเสียใจไหมในการที่รู้จักใครสักคน ไม่ได้รู้สึกเสียใจค่ะ”
เป็นไปได้ไหมที่จะไกล่เกลี่ยกันได้ลงตัว ?
ฝ้าย : “อันนี้ต้องอยู่ในระบบของชั้นศาลแล้วค่ะว่าจะมีคำสั่งออกมายังไง”
ณวัฒน์ : “ตอนนี้เราก็ทำตามที่ศาลแนะนำทุกอย่าง ศาลท่านเห็นข้อเท็จจริงที่เราไปนำเสนอ และสิทธิ์ในการเข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรมที่เราไปนำเสนอ และหลักฐานบางส่วนที่เราไปนำเสนอ จึงทำให้ท่านเปลี่ยนเป็นพิจารณาใหม่ทั้งหมด นั่นหมายความว่า ยังไม่มีใครชนะและยังไม่มีใครแพ้ และยังไม่มีใครได้ ยังไม่มีใครเสีย เราจะเริ่มนับ 1 กันอีกครั้ง อีกอย่างพยานค่อนข้างเยอะ ก็คงจะต้องใช้เวลากันอีกหลายปีพอสมควร รวมถึงก็ยังวิตกกังวลกับบางเรื่อง อย่างเช่น เมื่อวาน วันที่ 27 ม.ค. ออกมาบอกว่าศาลพิพากษา ทั้งๆ ที่ศาลเปลี่ยนแล้ว มันจะเป็นการละเมิดศาลหรือเปล่า หรือมันจะเป็นการทำให้หมิ่นประมาทหรือเปล่า ซึ่งเราต้องไปดูตรงนี้อีกนิด เพราะมิสแกรนด์ไทยแลนด์อยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเข้มข้น เราจ้างบริษัทระดับอินเตอร์เนชันแนลในการดูแลบริษัท เพราะฉะนั้นการที่ศาลไม่ได้บอกแบบนี้ ณ วันที่ 27 แต่บอกมาเป็นแบบนั้น ตอนนี้ทางทนายก็กำลังดูว่าจะเป็นอาญา เพราะทำให้เรารู้สึกแย่มาก เหมือนเราถูกตราบาปไว้ข้างหน้าแล้วว่าเป็นแบบนี้จริงๆ ซึ่งข้อเท็จจริงมันไม่ใช่ มันเปลี่ยนสถานะไปตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.”
จะมีการฟ้องกลับไหม ?
ณวัฒน์ : “ สำหรับแพ่งนะครับ คือไปสู้กันแบบนั้น ส่วนอาญาอย่าเรียกว่าฟ้องกลับ เพราะยังไม่มีใครมาฟ้อง เพราะฉะนั้นเราต้องขออนุญาต เร็วๆ นี้นะครับ เดี๋ยวจะมาบอกทุกท่านอีกครั้ง แต่คิดว่ามันอาจจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อเป็นเคสตัวอย่างและเป็นเรื่องจริง ผมถือเสมอเลยนะครับว่า เรื่องจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน เพราะฉะนั้นการที่เรามั่นใจขนาดนี้ เพราะเราประจักษ์ในจิตใจ ในหัวสมอง จิตใต้สำนึกของพวกเราเสมอว่าเราทำอะไร และเรายืนอยู่บนจุดใด แต่ถ้าใครจะเขียนอะไรทุกวัน เขียนเป็นคนละเรื่องคนละราว เขียนยังไงก็ได้ อันนั้นก็แล้วแต่เขา เราเพียงยืนหยัดอยู่บนความจริง เพราะเรามีจริยธรรมในการอยู่ร่วมกับคนที่อยู่ในโลกใบนี้ ซึ่งเดี๋ยวต้องรออีกครั้งนะครับว่า ผมและฝ้ายจะตัดสินใจเป็นแบบนั้นไหม เพราะมันมีหลายอย่างที่อาจจะต้องทำ หากไม่ทำมันจะไปสู่อีกศาลหนึ่งที่ไม่สอดคล้องซึ่งกันและกันครับ”
เรารู้สึกว่าส่วนแบ่ง 50:50 มันยุติธรรมกับตัวเราไหม ?
ฝ้าย : “ถ้าถามว่ายุติธรรมไหม ตอนนี้หนูบอกได้แค่ว่ามันเป็นเรื่องในชั้นศาลอย่างเดียวเลยค่ะ เพราะหนูไม่สามารถพูดอะไรได้เลย ณ ตอนนี้ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เราพูดได้ แต่ตอนนี้คือเราไม่สามารถพูดได้ เพราะมีเรื่องของคดีความเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะคะ แต่ถึงยังไงหนูก็เป็นผู้น้อยในวงการ ก็เคารพผู้ใหญ่หลายๆ คน ถึงแม้จะเป็นฝั่งนู้นเองก็ตาม เพราะเขาก็เป็นผู้ใหญ่ แต่ยังไงก็อยากให้รอดูต่อไปค่ะ”
เรื่องที่เกิดขึ้น กระทบกับต้นสังกัดช่อง 7 ไหม ?
ณวัฒน์ : “ไม่ๆ ก็เรตติ้งนางร้ายดีขึ้น น้องไม่ได้โดนเตือนอะไรเลยครับ แต่เรตติ้งดีขึ้นจริงๆ ต้องขอบคุณจริงๆ ครับ ตอนนี้งานก็เข้ามาอีก ละครเรื่องใหม่ก็เข้ามาอีก”
จากกรณีของฝ้ายที่เกิดขึ้น จึงทำให้มีกฎห้ามนางงามมีพี่เลี้ยงในปีนี้ใช่ไหม ?
ณวัฒน์ : ห้ามมาหลายปีแล้วครับ มีได้ แต่อย่าไปเซ็นสัญญาแปลกๆ นะครับ มีได้ แต่ไม่อยากให้คนที่ส่งทำตัวเป็นนักธุรกิจ และการที่เราทำเป็นธุรกิจมันก็มีบางอย่างที่ทำให้คนสวยๆ คนไม่มีความสามารถอาจจะไม่เข้าใจ และผมต้องบอกผ่านสื่อมวลชนเลยครับ ไม่ว่าใครก็ตามที่แอบอ้างว่าสนิทกับผม และบอกว่าล็อกตำแหน่งได้ แต่ต้องจ่าย ต้องเซ็น ในปีนี้ 2019 อย่าเชื่อนะครับ และมีบางคนที่มากกว่านั้นอีกนะครับ ต้องเซ็นแล้วยังไม่พอ จะต้องโอนเงินให้ผมด้วย เพราะฉะนั้นเงินที่ได้มาต้องโอนให้ผม ชาตินี้สาบานได้เลยครับ ไม่เคยทำเลยสักบาทเดียว ที่บ้านมีฐานะนะครับ ใช้เงินจนตายก็ไม่หมด ขยันขนาดนี้ผมหาเงินเป็น และผมก็รู้ว่าผมจะต้องทำอะไร และไม่ควรทำอะไร ชีวิตผมไม่ได้มีเงินอย่างเดียวนะครับ ผมมีเกียรติยศเป็นที่พึ่งครับ”
>>"เต๋า ทีวีพูล" แฉใครกัน? ดาราสาวงานแน่น ติดหนี้หลักล้าน ใช้ชีวิตหรู ขโมยของเก่ง
>>"เต๋า ทีวีพูล" แฉต่อรัวๆ บอกใบ้ชื่อดาราติดหนี้ อยากให้ออกจากวงการไปทำอาชีพเก่า
อัลบั้มภาพ 18 ภาพ