สาวตกงานสุดช้ำ-ถูกมิจฉาชีพหลอกใช้ให้โอนเงินผ่านเฟซฯ สุดท้ายถูกกล่าวหา “ยักยอกเงิน”
(29 ม.ค. 62) น.ส.เสาวลักษณ์ อายุ 30 ปี ชาวตำบลหนองปล่อง อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ได้นำเอกสารหลักฐานทั้งสเตทเม้นท์ธนาคารเกี่ยวกับการโอนและถอนเงิน รวมถึงสลิปการชำระ หรือเติมเงินเข้าระบบบริการเสริมโทรศัพท์มือถือ (ทรูมันนี่ วอลเล็ท) และบทสนทนาผ่านเฟซบุ๊ก ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ
หลังตกเป็นเหยื่อถูกแก๊งมิจฉาชีพ ที่ประกาศรับสมัครงานผ่านเฟซบุ๊ก หลอกว่าให้ทำงานเป็นตัวแทนรับจ่ายยอดให้กับลูกค้าที่อยู่ในประเทศไทย เนื่องจากตัวเองอาศัยอยู่ต่างประเทศไม่สะดวกที่จะดำเนินการเอง โดยเสนอจะให้ค่าตอบแทนครั้งละ 100 – 150 บาท โดย น.ส.เสาวลักษณ์ เห็นว่าเป็นงานที่ไม่ได้ยุ่งยากประกอบกับกำลังตกงาน จึงตัดสินใจรับทำงานเพื่อจะได้มีรายได้ใช้จ่ายช่วงที่ตกงาน
จากนั้นผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ประกาศรับสมัครงาน ได้ขอหน้า “บุ๊กแบงก์” และสำเนาบัตรประชาชน โดยอ้างว่าจะนำไปใช้สำหรับโอนเงินเข้าบัญชี จึงหลงเชื่อถ่ายรูปหน้าบุ๊กแบงก์และบัตรประชาชนส่งให้
ต่อมาช่วงเที่ยงของวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางเจ้าของเฟซบุ๊กก็แชทมาบอกว่าได้เงินโอนเข้าบัญชีรอบแรกมาแล้ว 15,750 บาท เมื่อไปเช็คดูก็พบว่ามีเงินโอนเข้าในบัญชีจริง จากนั้นก็ขับรถไปเบิกเงินที่ตู้เอทีเอ็มแห่งหนึ่ง ใน อ.ชำนิ แล้วนำเงินสดไปเติมเข้าระบบบริการเสริมโทรศัพท์มือถือ (ทรูมันนี่ วอลเล็ท) ตามเบอร์ที่เจ้าของเฟซบุ๊กบอก
เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยก็ส่งข้อความแจ้งให้เจ้าของเฟซบุ๊กทราบก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร โดยในวันที่ 27 ม.ค. จากนั้นก็มีเงินโอนเข้าบัญชีมาอีก เฉลี่ยครั้งละ 500 บาท, 1,500 บาท , 6,000 บาท , 8,500 บาท และ สูงสุด 15,750 บาท
ซึ่งภายในวันเดียวมียอดโอนเงินเข้าบัญชี 11 ครั้ง รวมเป็นเงิน 75,000 บาท หลังจากมีเงินโอนเข้ามา น.ส.เสาวลักษณ์ ก็จะไปถอนเงินสดที่ตู้เอทีเอ็ม แล้วนำไปเติมเข้าโทรศัพท์มือถือ 6 ครั้ง ก็จะได้เงินค่าตอบแทน 1,000 บาท
กระทั่งประมาณ 2 ทุ่มของวันเดียวกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวส่งข้อความมาบอกให้ น.ส.เสาวลักษณ์ ลองใช้แอปพลิเคชันมือถือโอนเงินจากบัญชีตัวเอง ไปเข้าบัญชีคนอื่นดูว่าโอนได้หรือไม่ ก็รู้สึกแปลกใจจึงถามกลับไปว่าให้ลองโอนทำไม ก็อ้างว่าเผื่อจะมีเงินเข้าบัญชีในตอนกลางคืนจึงอยากให้ลองเช็คดู
แต่พอ น.ส.เสาวลักษณ์ ลองโอนเงินผ่านมือถือไปเข้าบัญชีของแม่ดู กลับทำรายการไม่ได้ จึงทดลองโอนเข้าบัญชีคนอื่นก็ยังไม่ได้ จึงติดต่อไปสอบถามทางธนาคารจึงรู้ว่าบัญชีถูกอายัดแล้ว
เมื่อสอบถามข้อมูลก็ทราบว่า มีคนไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และ สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม กล่าวหาว่ายักยอกเงิน เนื่องจากเงินที่โอนมาไม่ถึงปลายทาง แต่มาเข้าบัญชีของตัวเอง ซึ่งคนที่แจ้งความต้องการให้ตนเองชดใช้เงินคืน
จากนั้นจึงพยายามติดต่อไปยังเจ้าของเฟซบุ๊กที่จ้างให้ตนเองทำงาน แต่กลับติดต่อไม่ได้เพราะถูกบล็อกไปแล้ว จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกใช้บัญชีของตัวเองเป็นทางผ่านและมีการทำเป็นขบวนการแน่นอน
จึงอยากร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือตรวจสอบข้อเท็จจริง และเส้นทางการเงินผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดว่า แท้จริงแล้วเงินหายไปไหน แล้วใครจะต้องรับผิดชอบ
ซึ่งตนเองคงไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายคืน เพราะตอนนี้ยังตกงานลำพังจะกินอยู่ก็ลำบาก และอยากให้ผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือด้วย ซึ่งเบื้องต้น ก็ทำได้แค่นำเอกสารหลักฐานที่มีไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์เท่านั้น