โค้กรับกระแส ''สีเขียว'' ปรับธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โค้กรับกระแส ''สีเขียว'' ปรับธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ธุรกิจใหญ่น้อยในโลกต่างกำลังให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่เว้นแม้แต่บริษัท โคคา โคล่า จำกัด (โค้ก) ผู้ผลิตน้ำอัดลมรายใหญ่ที่สุดในโลกก็ดำเนินกลยุทธ์การรักษาสิ่งแวดล้อมกับเขาด้วยเช่นกัน

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท โค้ก นอร์ธ อเมริกา จำกัด ประกาศว่าจะทดลองเปลี่ยนขวดบรรจุน้ำอัดลมและน้ำดื่มบรรจุขวดแบรนด์ ดาซานี่ ให้เป็นขวดประเภท แพลนต์บอตเทิล (Plant Bottle) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นภายในปีนี้ และจะเปลี่ยนขวดบรรจุน้ำผสมวิตามินแบรนด์ วิตามินวอเตอร์ ภายในปี 2553

แพลนต์บอตเทิลซึ่งเป็นขวดบรรจุผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ของโค้กยังคงวัตถุดิบที่มาจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 30% แต่จะมีส่วนผสมของวัตถุดิบจากพืชเช่น ต้นอ้อย และกากน้ำตาล ประมาณ 30% นอกจากนั้นบริษัทก็กำลังทำวิจัยหาวัตถุดิบจากพืชชนิดอื่นๆเข้ามาใช้เป็นส่วนผสมอีกทางหนึ่ง

ปัจจุบันขวดบรรจุเครื่องดื่มของโค้กเป็นพลาสติกที่ผลิตขึ้นมาจากปิโตรเลียม ที่เรียกว่าโพลีเอธิลีน เทเรฟทาเลท (polyethylene terephthalate) หรือขวด เพ็ท (PET) ซึ่งสามารถนำไปรีไซเคิลได้แต่จะมีต้นทุนสูงและมีความซับซ้อนในการดำเนินการ ซึ่งหากไม่นำขวดเพ็ทไปรีไซเคิลมันจะใช้เวลานานมากในการย่อยสลายไปตามธรรมชาติ

ขวดบรรจุเครื่องดื่มชนิดใหม่ที่โค้กกำลังจะทดลองตลาดนี้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ทั้งยังมีราคาในการผลิตเท่าๆกับขวดเพ็ทอีกด้วย

โค้กเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสินค้าที่ผลิตขวดพลาสติกออกสู่ตลาดมากที่สุดในโลก สถาบันคอนเทนเนอร์ รีไซคลิง องค์กรไม่หวังผลกำไรเพื่อสิ่งแวดล้อมระบุว่าทุกๆสัปดาห์ลูกค้าของโค้กจะทิ้งขวดเพ็ทประมาณ 1,000 ล้านขวด และมีขวดเพียง 18-23% เท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล นายมุห์ตา เคนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของโค้ก กล่าวว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้าการริเริ่มอย่างสามัญของโค้กจะกลายเป็นคอนเซ็ปต์ของการรีไซเคิลทั้งมวล

นอกจากนั้นโค้กยังได้ร่วมมือกับบริษัท อีคอส คอนซัลติ้ง จำกัด บริษัทที่ปรึกษาแห่งหนึ่งในมลรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดตั้งเว็บไซต์ศูนย์ความมั่นคงของทรัพยากรเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต สำหรับร้านอาหารที่จำหน่ายเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ของโค้กสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้เพื่อลดการใช้พลังงานและทรัพยากรน้ำในการดำเนินธุรกิจของตน

อีคอสได้จัดทำระบบประเมิน 3 ขั้นตอน ที่ช่วยร้านอาหารประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของตนได้ ซึ่งเว็บไซต์ดังกล่าวระบุว่าร้านอาหารเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใช้พลังงานมากที่สุดในโลก โดยเมื่อเทียบอัตราการใช้พลังงานต่อพื้นที่ 1 ตารางฟุต ร้านอาหารจะมีสัดส่วนการใช้พลังงานสูงกว่าอาคารพาณิชย์ทั่วไปถึง 5 เท่า นายเดวิด ไวเกิล รองประธานฝ่ายการตลาดของอีคอส กล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมาร้านอาหารและเชนร้านอาหารหลายแห่งได้ขอคำแนะนำจากโค้กในการพัฒนาธุรกิจของตนให้เป็น ธุรกิจสีเขียว

แนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของโค้กและให้ความช่วยเหลือร้านอาหารที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้สามารถดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่น่าจับตามองถึงผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและธุรกิจของโค้กได้มากน้อยเพียงใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook