แฉวีรกรรมสามีเก่าฉุด "น้องมิ้น" เคยทุบตี-กล้อนผม-บังคับแก้ผ้า หนียังไงก็ไม่พ้น

แฉวีรกรรมสามีเก่าฉุด "น้องมิ้น" เคยทุบตี-กล้อนผม-บังคับแก้ผ้า หนียังไงก็ไม่พ้น

แฉวีรกรรมสามีเก่าฉุด "น้องมิ้น" เคยทุบตี-กล้อนผม-บังคับแก้ผ้า หนียังไงก็ไม่พ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(1 ก.พ.2562) จากกรณีที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน ได้ขับรถยนต์เก๋งสีขาว โตโยต้า อัลติส หมายเลขทะเบียน 1กถ - 5822 กทม.มาจอดที่บริเวณหอพัก ถนนอุตรกิจ เทศบาลนครเชียงราย จากบริเวณลานจอดรถของหอพัก และได้บุกเข้าฉุดกระชาก น.ส.จิญาดา หรือ น้องมิ้น อายุ 26 ปี ชาวตำบลหนองอ้อ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เวลา 07.00 น.ของวันที่ 31 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา และต่อมาทราบชื่อหัวหน้าทีมคือ นายปิยะพงษ์ อายุ 35 ปี และเป็นอดีตสามีของน้องมิ้น ซึ่งได้เลิกรากันไปนานกว่า 7 เดือน เนื่องจากน้องมิ้นภรรยาสาวไม่สามารถทนต่อพฤติกรรมที่ถูกนายปิยะพงษ์ทำร้ายร่างกายด้วยความรุนแรงได้ แม้ทั้งคู่จะมีลูกด้วยกันถึงสองคนก็ตาม ซึ่งเหตุการณ์ผ่านไปนานกว่า 34 ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่ทราบชะตากรรมของ น.ส.จิญาดา หรือ น้องมิ้น ว่าเป็นอย่างไร

>> ไม่รู้ชะตากรรม 4 ชายฉกรรจ์ฉุด นศ.ผู้ช่วยพยาบาล หน้าหอพักกลางวันแสกๆ

โดยทางนายสวัสดิ์ อายุ 49 ปี ชาวอำเภอฝาง บิดาของน้องมิ้นได้เข้าแจ้งความ สภ.เมืองเชียงราย เพื่อเอาผิดกับนายปิยะพงษ์ และพวกที่ก่อเหตุอุกอาจเช่นนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย เมื่อเวลา 17.30 น.ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปพบกับ นางประภาวรรณ อายุ 52 ปี ผู้เป็นแม่ และ น.ส.ชมาพร พี่สาวน้องมิ้น ที่บ้านพักในตำบลหนองอ้อ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยที่ทั้งคู่ได้เล่าถึงเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น เริ่มจาก น.ส.จิญาดา หรือ น้องมิ้น ในขณะนั้นเรียนอยู่ชั้น ปวช. ที่วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี และได้รู้จักกับนายปิยะพงษ์ทางแอป จนสนิทมากขึ้นและคบกันเป็นแฟน นายปิยะพงษ์ ปกติจะเป็นคนที่พูดจาดี สุภาพ ก็ดูแล้วไม่น่าจะมีพฤติกรรมที่ร้ายแรง จนน้องมิ้นต้องย้ายไปเรียนที่ต่างจังหวัดนายปิยะพงศ์ก็จะตามไปอยู่ด้วย จะเริ่มมีการทะเลาะกันมีปากมีเสียงถึงขั้นลงไม้ลงมือแบบนี้

บาดแผลที่น้องมิ้นถูกทำร้าย

จนมาเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม น้องมิ้นได้ขอไปซ่อมโทรศัพท์ที่ตลาดริมแม่น้ำแม่กลองในตลาดอำเภอบ้านโป่ง โดยไปกับเพื่อน จนนายปิยะพงษ์ มาพบและได้ทำการฉุดและพาไปอยู่ที่บ้านในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ได้เพียงแค่ 4 วัน พ่อและแม่ของน้องมิ้นได้เดินทางเข้าไปพาตัวกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย จากนั้นได้พาตัวน้องมิ้นขึ้นไปอยู่อาศัยกับพ่อที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยที่นายปิยะพงษ์ไม่รู้ ทำให้สถานะของทั้งคู่ได้ห่างกันออกไป

นางประภาวรรณ เล่าถึงพฤติกรรมของนายปิยะพงษ์ว่า เป็นคนที่อารมณ์โมโหร้ายชอบทำร้ายร่างกายน้องมิ้น ลูกสาวของตนมาโดยตลอดแต่ด้วยความรักของลูกสาวขณะนั้นได้ปิดบังตนเองทุกครั้ง และมักจะปัดว่าประสบอุบัติเหตุ ที่ผ่านมาที่ตนเห็นเบ้าตาเขียวช้ำเหมือนโดนต่อย ร่างกายมีรอยฟกช้ำ เขียวตามที่ต่างๆ ทั้งแขน ขา และลำตัว นอกจากนี้ยังมีการถูกกล้อนผม บังคับให้ถอดเสื้อผา และทุบตี และที่สะเทือนใจ โดนด้ามอาวุธปืนตีเข้าที่หัวเข่าจนแตก แต่ลูกสาวก็ปฏิเสธว่าลื่นล้ม จนตนมาจับได้และรู้ความจริง ด้วยความสงสารลูกจึงบอกให้ถอยกลับออกมาเพราะด้วยความเป็นห่วงและทนไม่ได้ถึงการกระทำดังกล่าว และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมาทำพิธีสู่ขอหรือจัดพิธีแต่งงานตามประเพณีแต่อย่างใด ประกอบกับนายปิยะพงษ์ไม่มีงานทำที่เป็นหลักแหล่ง ตนก็เคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่าให้ไปหางานทำจะได้ช่วยกันดูแลกันไปได้

ภาพวงจรปิดขณะน้องมิ้นถูกฉุดขึ้นรถ

จนครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณ 7 เดือนก่อน น้องมิ้น ได้ตัดสินใจเลิกรากับนายปิยะพงษ์ และหลบหนีไปอยู่กับพ่อที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนายปิยะพงษ์ก็ได้พยายามออกตามหาแต่ไม่พบ และได้วนเวียนมาดูที่บ้านพักของแม่ในจังหวัดราชบุรี นอกจากนี้ยังได้ขู่พี่สาวและน้องสาวคนเล็กไว้ด้วยซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับคนในบ้าน ต่อมาเมื่อน้องมิ้นได้งานเข้าเรียนต่อในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงรายและพักที่หอพักตรงที่เกิดเหตุ ซึ่งน้องมิ้นก็ไม่ได้กังวลใจใดๆ เพราะคิดว่านายปิยะพงษ์อดีตแฟนหนุ่มจะตามหาไม่เจอ โดยเรียนที่โรงเรียนดังกล่าวได้ประมาณ 4 เดือน ก่อนจะมาถูกนายปิยะพงษ์ พร้อมด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 3 คน โดยขับรถยนต์เก๋งสีขาว โตโยต้า อัลติส หมายเลขทะเบียน 1กถ - 5822 กทม.มาจอดที่บริเวณหอพัก และได้บุกเข้าฉุดกระชากขึ้นรถและหลบหนีไปทันที โดยเหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา และล่าสุดยังไม่ได้รับการติดต่อกลับของน้องมิ้น ว่าเป็นอย่างไรและอยู่ที่ไหน

ส่วนสาเหตุที่ทะเลาะกันจนถึงขั้นรุนแรงเกิดจากการที่ทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องลูก โดยน้องมิ้นใช้ไม้แขวนเสื้อปาใส่นายปิยะพงษ์จนถูกที่บริเวณโหนกแก้ม จนทำให้นายปิยะพงษ์เกิดการโมโหและลงมือทำร้ายด้วยการให้ด้ามไม้กวาดประกบกันสองอันและกระหน่ำฟาดที่ขาและแขนรวมไปถึงลำตัวของน้องมิ้นจนด้ามไม้ฟาดหัก ทำให้น้องมิ้นเกิดทนไม่ได้จึงตัดสินใจเลิกและไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับนายปิยพงษ์อีกต่อไป ด้วยความหึงหวงและไม่ยอมเลิกรา ทำให้นายปิยะพงษ์คอยตามตื้อและฉุดน้องมิ้นตามภาพที่ปรากฏเหตุการณ์ดังกล่าว

แชทที่น้องมิ้นคุยกับพี่สาว

ด้าน น.ส.ชมาพร พี่สาว เล่าว่าได้ทราบจากคนที่ดูแลหรือพี่เลี้ยงของน้องมิ้นว่า ปลอดภัยดี แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าอยู่ท่าไหนอย่างไร ทำให้คนทางบ้านเป็นห่วง เพราะรู้ว่าน้องเป็นคนอย่างไร จึงอยากวอนให้นายปิยะพงษ์ ปล่อยตัวน้องสาวกลับมา ซึ่งตอนนี้ทางครอบครัวจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเพราะพฤติกรรมแบบนี้ทางครอบครัวรับไม่ได้เพราะมี่ผ่านมาก็ให้อภัยกันมาโดยตลอด และต้องวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินการติดตามตัวนายปิยะพงษ์และพวกมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook