ชีวิตสลด แม่เผยจำใจขังลูกชายในบ้านนาน 30 ปี เพราะเป็นลมชักตั้งแต่เด็ก
ความคืบหน้ากรณีพบชายปริศนาถูกขังอยู่ในตึกร้าง ย่านโชคชัย 4 นานกว่า 30 ปี แม่เปิดใจชีวิตสุดสลด ผัวตายหลังซื้อตึกดังกล่าว ต้องดูแลลูกชายที่เป็นลมชักตั้งแต่เด็กเพียงลำพัง
จากกรณีเมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย และโรงพยาบาลยันฮี ได้เข้าช่วยเหลือชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 40-50 ปี ซึ่งถูกขังอยู่ในตึกร้าง ย่านโชคชัย 4 มานานกว่า 30 ปี ก่อนนำตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล โดยมีหญิงชราอ้างตัวว่าเป็นแม่ตามไปด้วย
>> บุกตึกร้างย่านโชคชัย 4 ช่วย "ชายปริศนา" ถูกขัง 30 ปี ชาวบ้านสะดุ้งเห็นมือโผล่ประตู
ล่าสุด (4 ก.พ.) เว็บไซต์ อีจัน รายงานว่า หญิงชราแม่ของชายคนดังกล่าว เปิดเผยว่า ลูกชายคนนี้ชื่อโต้ง ตอนนี้อายุ 49 ปีแล้ว สาเหตุที่ต้องขังลูกให้อยู่แต่ในบ้าน เพราะลูกชายป่วยลมชักมาตั้งแต่เด็ก หากออกไปข้างนอกเกรงว่าจะได้รับอันตราย ขณะที่สามีหลังจากซื้ออาคารดังกล่าวให้ก็เสียชีวิตตั้งแต่ลูกชายยังเล็ก
ตนเองไม่รู้จะดูแลอย่างไรจึงขังลูกไว้ตั้งแต่เด็กๆ นานกว่า 30 ปี โดยตนเองจะเอาข้าวเอาน้ำมาป้อนให้ ส่วนที่ลูกชายไม่ใส่เสื้อผ้า เพราะขับถ่ายเข้าห้องน้ำเองไม่ได้ อีกทั้งยังพูดไม่ได้ เดินไม่ได้ เท้าเกร็ง มีท่าทีเป็นเด็ก
ส่วนที่ต้องอยู่แบบนี้ คุณยายบอกว่า เพราะรู้สึกปลอดภัย เนื่องจากเคยย้ายไปอยู่แบบบ้านปกติ แล้วถูกคนร้ายเอามีดเข้ามาจี้ถึงในบ้าน จึงหวาดกลัว ส่วนสภาพบ้านที่รกเพราะตนมีอาชีพเก็บของเก่าขาย บางทีเก็บสะสมไว้แต่ยังไม่ได้ทิ้ง
ด้าน นายแพทย์ ชวลิต หล้าคำมี อายุรศาสตร์โรคเลือด (อายุรกรรม) เปิดเผยว่า เบื้องต้น ภาพรวมพบปัญหาสภาพสมองเดิม คือ เรียนรู้ตัวแต่ไม่ทำตามคำสั่งของเรา ขยับขาไปมาไม่มีสัญญาณแขนขา ที่อ่อนแรงชัดเจน ส่วนระบบในร่างกายอื่นๆ ปกติ
จากประวัติ อาจเกิดจากอาการชัก ที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะแม่ก็บอกว่าไม่ได้พาไปรักษาต่อ อาจส่งผลให้สมองไม่ได้รับการพัฒนาต่อ หากประเมินโดยหมอเฉพาะทางอีกครั้ง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือในขั้นตอนต่อไป
การดูแลเบื้องต้น ต้องพาไปทำความสะอาดร่างกาย แล้วก็ประเมินทางสมองดู แล้วคงต้องตรวจร่างกายอีกครั้งข้างบน ว่ามีความผิดปกติตรงไหน มีแผลกดทัพหรือไม่ ต้องดูแลร่างกายให้ก่อน
ส่วนสภาพจิตใจต้องประเมินแล้วค่อยหาแนวทางรักษา ส่วนอาการเกร็ง อาจช่วยได้จากการกายภาพบำบัด ตอนนี้ยังเดินไม่ได้ หากต้องฟื้นฟูคงต้องใช้เวลา