พาชมงานวิสัยทัศน์ AIS ปี 2019 ตอกย้ำการเป็นผู้นำนวัตกรรมของไทย!
จัดเต็มยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี สำหรับ AIS Digital Intelligent Nation 2019 งานประกาศวิสัยทัศน์ประจำปีของ แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีของประเทศ พร้อมปักหมุดเดินหน้าเสริมแกร่งประเทศไทยสู่ Digital Intelligent Nation
เอไอเอส ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพทางเทคโนโลยีในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาและพัฒนา 5G, Artificial Intelligence, Machine Learning, Robotic, การพัฒนา IoT ให้รอบด้านและเสริมทุกแพลตฟอร์มให้แข็งแกร่ง เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ทุกภาคส่วน รวมไปถึงการทำให้คนไทยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างชาญฉลาด ที่จะช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
บรรยากาศภายในงานปีนี้ เอไอเอส เนรมิตรอยัล พารากอนฮอลล์ ให้กลายเป็นเมืองแห่งโลกอนาคตสุดล้ำ ขนทัพนวัตกรรม โซลูชัน และเทคโนโลยีเจ๋งๆ มาจัดแสดงให้ได้ชมกันมากมาย
ซึ่งงานนี้ Sanook! ก็ไม่พลาดที่จะไปอัพเดตเทรนด์ดิจิทัลใหม่ๆ พร้อมเก็บภาพของเล่นเทคโนโลยีสุดไฮเทคมาฝากกัน แต่แอบกระซิบบอกไว้ก่อนเลยว่ามันเจ๋ง มันว้าวทุกโซนเลยจริงๆ ไปดูกันเลย!
โซนเทคโนโลยีเครือข่าย
NEXT G
สำหรับใครที่ชอบใช้อินเทอร์เน็ตมือถือแรงๆ โซนนี้ก็ได้จัดแสดงศักยภาพในการพัฒนาเครือข่าย AIS NEXT G ที่เร็วสุด แรงสุด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาให้ได้ทดลองสปีดกันด้วย ซึ่งความเจ๋งของเครือข่าย AIS NEXT G ก็คือ การควบรวมสุดยอดเทคโนโลยีมือถือ AIS 4G ADVANCED และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง AIS SUPER WiFi ทำให้เกิดประสิทธิภาพการใช้งาน Speed ที่เร็วขึ้นบนความเร็วสูงสุด 1 Gbps. รองรับทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
WiFi 6
เตรียมเปิดตัวให้บริการ Wi-Fi มาตรฐานใหม่ครั้งแรกในตะวันออกเฉียงใต้ ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 4.8 Gbps.ต่อวินาที ช่วยเพิ่มความเสถียรในพื้นที่หนาแน่น เช่น ในห้างสรรพสินค้า สนามกีฬา หรือคอนเสิร์ตฮอลล์ มีประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ ได้ ที่จะพร้อมให้ลองสัมผัสได้ที่ AIS SHOP ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และ AIS D.C. เอ็มโพเรียม ภายในปีนี้
และแน่นอนว่าหนึ่งในไฮไลท์ของงาน AIS ก็ได้นำเอาเทคโนโลยีแห่งอนาคต 5G ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจมาจัดสาธิตให้เราได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานในหลายรูปแบบ ทั้งโชว์เคสที่ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่าง Nokia, ภาครัฐ ทั้ง กสทช., กระทรวงดีอี และภาคการศึกษา ทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งจะทำให้คนไทย ภาคธุรกิจ และทุกอุตสาหกรรม เห็นภาพของประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจาก 5G และเกิดแรงบันดาลใจในการผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ อาทิ
โซนนวัตกรรม 5G
5G Collaborative Car Factory
การสาธิตการตอบสนองที่แตกต่างของระดับความหน่วงหลายระดับต่างๆ เนื่องจาก 5G มีค่าความหน่วงที่ต่ำกว่า จึงตอบสนองได้รวดเร็วกว่า โดยการสาธิตผ่าน VR Car Factory demo ที่ผู้เล่นสามารถลองประกอบเครื่องยนต์ของรถยนต์เสมือนอยู่ในโรงงานจริงๆ แบบ Real Time
5G AR Digital Rubik’s Cube
แสดงการตอบสนองของเกมส์รูบิค ผ่านเครือข่าย 5G เพื่อแสดงการตอบสนองที่เร็วกว่า โดยผู้เล่นสามารถหมุนโมเดลรูบิคจำลอง ข้อมูลจะถูกส่งผ่านและแสดงบนโมเดลรูบิคบนจอ แบบ Real Time
5G Cloud Robot Therapist
หุ่นยนต์กายภาพอัจฉริยะ โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ช่วยในการทำกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และอัมพฤกษ์ สามารถบันทึกและรายงานข้อมูลการออกแรง การเคลื่อนไหวในการทำกายภาพบำบัดของผู้ป่วยผ่านระบบ 5G ขึ้นไปยัง Cloud Network มีระบบการตรวจสอบและติดตามเปรียบเทียบผลการฝึกได้แบบ Real Time
5G Cloud Assistant Robot
หุ่นยนต์อัจฉริยะที่ทำงานผ่านระบบ 5G สามารถช่วยในการเดินเอกสาร, ส่งของต่างๆ ในอาคารเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ตามตำแหน่งเป้าหมายที่ระบุ สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้โดยอัตโนมัติ และการเคลื่อนที่กลับมาตำแหน่งชาร์จพลังงานโดยอัตโนมัติ โดยจะมีการทดลองใช้หุ่นยนต์ Mini Cargo ในบริเวณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Smart Pole
เสาอัจฉริยะที่รวบรวมอุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ ไว้ภายในต้นเดียว ไม่ว่าจะเป็น IoT Environment Sensor ที่ใช้วัดอุณหภูมิและคุณภาพอากาศในพื้นที่โดยรอบ พร้อมทั้งแสดงผลในทันทีด้วย Digital Display โดยใช้พลังงานสะอาดจากแผง Solar Cell ที่ติดอยู่ด้านบนของเสา นอกจากนี้ยังมี ระบบ Video CCTV เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ทางเท้า และเป็นที่ปล่อยสัญญาณ WiFi ให้ผู้ใช้งานโดยรอบได้อีกด้วย
รถยนต์ไร้คนขับ
บูธนี้น่าจะถูกใจคนโสด หรือคนขับรถไม่เป็นอย่างแน่นอน เพราะในอนาคตอันใกล้นี้จะเกิดรถยนต์ไร้คนขับให้ได้ใช้จริงๆ กันแล้ว โดยตัวรถจะใช้เทคโนโลยีและเครือข่ายนำพาไปยังจุดหมายได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย สามารถเคลื่อนที่สื่อสารกับ Smart Pole หยุดเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง และพาตัวเองไปชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องง้อคนขับเลย ซึ่งรถต้นแบบที่นำมาจัดแสดงนี้ก็เกิดจากการศึกษาและพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
และอีกหนึ่งบูธ 5G ที่เรียกเสียงว้าวจากคนในงานก็คือ 5G Mixed Reality Go-Kart Drifting ที่ผู้เล่นจะสวมอุปกรณ์ Head Set เอาไว้แล้วขับรถโกคาร์ท ท่ามกลางโลกเสมือนจริงที่เรามองเห็นผ่านแว่น VR ทำให้เกิดมิติใหม่ของการเล่นเกม Mixed Virtual Reality โดยใช้การสื่อสารและการประมวลผลระหว่างรถยนต์กับระบบประมวลผลที่ตอบสนองรวดเร็วบน Cloud – Based Mixed Reality ผ่านเครือข่าย 5G โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับสายเคเบิลใดๆ เลย ถ้า 5G ไม่เร็วจริงเล่นเกมสนุกๆ ตื่นเต้นๆ แบบนี้ไม่ได้นะ
ถัดมาเป็น โซน Robot ที่เอไอเอสได้ขนทีม AIS ROBOT หุ่นยนต์สมองกล มาโชว์ขีดความสามารถการทำงานเป็นผู้ช่วยมนุษย์ได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งจะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของคอนเซ็ปท์ AIS The Un-Manned Store ที่นำระบบบริการอัจฉริยะ เช่น AI (Artificial Intelligence) และ Robotic เข้ามายกระดับงานบริการให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคดิจิทัลมากที่สุด โดยจะเปิดตัวเป็นที่แรกที่ AIS DigitALL Shop ศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ต ฟลอเรสต้า จังหวัดภูเก็ต
- Huco
หุ่นยนต์แขนกลอัจฉริยะที่มาพร้อมความสามารถในการตักป๊อปคอร์นอย่างคล่องแคล่ว หลังได้รับคำสั่งการหุ่นยนต์ด้วยกัน (Alex) โดยหุ่นยนต์ Huco คือ หุ่นยนต์ช่วยงานตัวแรกของโลกที่สามารถทำงานประเภทเดียวกับมนุษย์ได้ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย สามารถควบคุมการผลิตหรือหยิบจับสิ่งของ ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
- Alex
นวัตกรรมหุ่นยนต์อัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถจดจำใบหน้า โต้ตอบ สนทนากับลูกค้า พร้อมให้ข้อมูลสินค้าและบริการ เพื่อช่วยยกระดับการให้บริการและสร้างประสบการณ์ดิจิทัลให้ลูกค้า
- IRB-120
หุ่นยนต์แขนกลที่สามารถนำไปปรับใช้การทำงานได้หลายอย่าง เช่น ควบคุมการทำงานระยะไกลผ่านเครือข่าย ซึ่งจะช่วยให้มนุษย์สะดวกสบายยิ่งขึ้น และไม่จำเป็นต้องลงไปในพื้นที่เสี่ยง
โซนเทคโนโลยี IoT และโซลูชันส์สำหรับลูกค้าองค์กร
ส่วนเรื่องความล้ำหน้าเรื่องของ Internet of Things หรือ IoT เอไอเอสได้จัดแสดงนวัตกรรมและโซลูชันส์ที่จะเข้ามาตอบโจทย์การใช้ชีวิตของมนุษย์ในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น Smart Airport ยกระดับความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานในสนามบินด้วยระบบ Facial Recognition แจ้งเตือนทันที เมื่อตรวจพบบุคคลต้องสงสัย และการทำให้ทุกการเดินทางสะดวกง่ายขึ้นผ่านแอปพลิเคชัน
Smart Community นำนวัตกรรม IoT นำมาติดตั้งในอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้เจ้าของกิจการสามารถตรวจสอบสถานะการทำงาน
Smart Wellness ที่ทำให้ให้การเชื่อมต่อระหว่างคนไข้ คุณหมอและเภสัชกรสะดวกมากขึ้น
Smart Living ให้ทุกการควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็ตาม สามารถใช้แพลตฟอร์มเดียวของเอไอเอสได้อย่างสะดวกมากขึ้น พร้อมมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ช่วยดูแลคนในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังมีโชว์เคสดีๆ จากโครงการ AIS IoT Alliance Program (AIAP) กว่า 50 ราย มาจัดแสดงเพื่อสร้าง IoT Ecosystem ในการผลักดันให้เกิดการใช้ IoT Technology ในประเทศไทยเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคดิจิทัล อาทิ
Progressive Solution หนึ่งในบริษัทกลุ่ม Startup ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการควบคุมสภาพอากาศในฟาร์มปศุสัตว์แบบเปิด โดยใช้ระบบ IoT ในการเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน โดยสามารถลดค่าไฟฟ้าในฟาร์มของเกษตรกรได้มากกว่า 40%
นอกจากนี้ เอไอเอสก็ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาวะทางด้านดิจิทัลของคนไทย โดยเอไอเอสขอรับอาสาทำหน้าที่เป็น Network Educator ในการส่งต่อและสร้างรากฐานความรู้ในการใช้อินเทอร์เน็ตตั้งแต่เด็กด้วยชุดการเรียนรู้ 360 องศา ด้วย “DQ Intelligence” หรือ DQ ที่วันนี้สำคัญไม่แพ้ IQ หรือ EQ เลย และการเป็น Network Protector พัฒนาระบบช่วยกรองการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้ปลอดภัย หรือ AIS Secure Net เพื่อให้พ่อ แม่ และผู้ปกครองมั่นใจได้ว่าบุตรหลานจะอยู่บนเครือข่ายที่กรอง URL หรือ Website ที่เหมาะสม โดยที่ไม่ต้องลงแอปพลิเคชั่นหรือโปรแกรมใดๆ ให้ยุ่งยากเลย
ขณะเดียวกัน เอไอเอสยังตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) อย่างถูกวิธี โดยพัฒนา E-Waste Smart Bin ถังขยะอัจฉริยะที่ติดตั้งอุปกรณ์ IoT ให้สามารถจำแนกขยะอิเล็กทรอนิกส์ออกจากขยะธรรมดาได้ พร้อมส่งข้อมูลจำนวนขยะอิเล็คทรอนิคส์ที่รวบรวมได้ขึ้นเว็บไซต์ www.ewastethailand.com ผ่าน Cloud Network และคำนวณค่าคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ลดลงได้จากขยะอิเล็คทรอนิคส์ที่เข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างถูกวิธี เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นของทุกคนและลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ตกค้างในประเทศไทย
ต้องบอกว่า 1 วันกับงาน AIS Digital Intelligent Nation 2019 นั้นคุ้มค่ามากจริงๆ เพราะนอกจากจะได้รับฟังวิสัยทัศน์และอัพเดตเทรนด์เทคโนโลยีจากผู้บริหารของเอไอเอสแล้ว ยังได้มาสัมผัสกับนวัตกรรมและโซลูชันส์ล้ำๆ ครอบคลุมทุกเทรนด์ที่ยังไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อนอีกด้วย ถือเป็นอีเวนต์ใหญ่เปิดศักราชที่ทำให้คนไทยและทุกภาคอุตสาหกรรมเห็นถึงประโยชน์จากเทคโนโลยีแห่งอนาคต และเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อประเทศอย่างแท้จริง
(Advertorial)