UAEยันไม่มีพาสปอร์ตทักษิณในประเทศ

UAEยันไม่มีพาสปอร์ตทักษิณในประเทศ

UAEยันไม่มีพาสปอร์ตทักษิณในประเทศ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พนิช วิกิตเศรษฐ์ เผยผู้บริหารระดับสูงยูเออี ยืนยันไม่มีพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ในประเทศ ย้ำให้ความสำคัญสัมพันธ์กับไทย

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการพบกับผู้บริหารระดับสูงของสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (ยูเออี) ในระหว่างร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศองค์การการประชุมอิสลามครั้งที่ 36 ณ กรุงดามัสกัส สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย ว่า ผู้บริหารระดับสูงของยูเออียืนยันกับตนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกนอกยูเออีตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2552 และบอกด้วยว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัฐบาลยูเออีมีความสำคัญมาก และตนได้ถามกลับไปว่า จากข้อมูลที่ได้รับจากสื่อมวลชน รวมทั้งการแถลงของผู้ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่สุขสบายในยูเออี และมีแหล่งข่าวยืนยันว่าไปพบในยูเออี

"ผมไม่ได้ถามเลยว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่หรือไม่อยู่ แต่ผู้ใหญ่ของยูเออีเดินมาบอกผมเองว่า ท่านไม่อยู่ในยูเออีแล้ว ผมคิดว่ารัฐบาลของยูเออีคงเชื่อว่าอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในประเทศแล้ว ภายใต้ชื่อหรือพาสปอร์ตเล่มสีน้ำตาลของไทย ความหมายคือ ถ้าตามการบันทึกชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และพาสปอร์ตของไทย ไม่มีคนชื่อนี้อยู่ในยูเออี ซึ่งรัฐบาลยูเออีอาจจะไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะอยู่ภายใต้สถานะอื่น เพราะรัฐบาลยูเออีคงจะตรวจสอบได้เฉพาะชื่อและพาสปอร์ตของไทย แต่พาสปอร์ตของไทยเรายกเลิกไปตั้งนานแล้ว แปลว่าท่านต้องใช้ชื่อและพาสปอร์ตประเทศอื่น อาจจะเป็นชื่อนาย ก.ใช้พาสปอร์ตของประเทศ ข. และยังอยู่ แต่อันนี้เราไม่ทราบว่าทำไมยูเออีถึงไม่สามารถตรวจสอบได้" นายพนิช กล่าว

เมื่อถามว่าได้พูดคุยเรื่องข้อกฎหมายถึงกระบวนการส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับหรือไม่ นายพนิช กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุย เพราะเมื่อยูเออีบอกว่าไม่อยู่ ก็ไม่สามารถไปพูดเรื่องข้อกฎหมายได้ เมื่อรัฐบาลยูเออีบอกว่าไม่อยู่แล้วเราก็ต้องจบแค่นั้น เราไม่สามารถไปกดดันบอกว่าให้คุยเรื่องกฎหมายเพียงเพราะแหล่งข่าวบอกว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ในยูเออี

เมื่อถามว่าได้ไปแอบดูบ้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยูเออีหรือไม่ นายพนิช กล่าวว่า "มีเจ้าหน้าที่ที่แวะไปดูว่าท่านอยู่หรือไม่ แต่ไม่ได้แอบดู เพราะไม่งั้นคงไม่ไปเคาะประตูบ้านเขา"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook