ตร.ยันมีวงจรปิด บันทึกนายกฯ เชื่อไม่มีโอกาสเปลี่ยนรถ!

ตร.ยันมีวงจรปิด บันทึกนายกฯ เชื่อไม่มีโอกาสเปลี่ยนรถ!

ตร.ยันมีวงจรปิด บันทึกนายกฯ เชื่อไม่มีโอกาสเปลี่ยนรถ!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รองปลัด มท.แจงอนุกรรมการยันส่ง"อภิสิทธิ์"ขึ้นรถ รับไม่มีข้อมูล"เสื้อแดงปลอม"บุกมหาดไทย ตร.ยันมี"วงจรปิด"บันทึกขณะนายกฯ ขึ้นรถ เชื่อไม่มีโอกาสเปลี่ยนรถ "ธานี"ยันสางคดีทำร้าย "มาร์ค-เทพเทือก" เสร็จ มิ.ย.

รองปลัดมท.ยันส่ง"อภิสิทธิ์"ขึ้นรถ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 พฤษภาคม ที่รัฐสภา คณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์กระทรวงมหาดไทยและศาลรัฐธรรมนูญ ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ที่มีนางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.สรรหา เป็นประธาน เชิญนายสุธี มากบุญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายในมาชี้แจง

นายสุธีชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กระทรวงมหาดไทยว่า เวลาประมาณ 13.30 น. วันที่ 13 เมษายน รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชาว่าจะมีข้าราชการระดับสูงมาประชุมที่กระทรวงมหาดไทย ต่อมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าประชุมพร้อมกัน ก็ปิดประตูทุกด้านของกระทรวง เพราะเกรงว่ากลุ่มคนเสื้อแดงที่เข้ามาปิดล้อมกว่า 1,500 คน จะบุกรุกเข้ามา จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำแต่ละประตูมากกว่าสถานการณ์ปกติ พร้อมขอกำลังเสริมจากตำรวจและทหารมาดูแลรักษาความปลอดภัยกว่า 200 นาย แต่เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมมีจำนวนมากจึงไม่สามารถป้องกันได้

นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา อนุกรรมการจากพรรคประชาธิปัตย์ ซักถามว่ากระทรวงมหาดไทยมีประตูเข้าออกกี่ทาง รวมทั้งเห็นหรือไม่ว่านายกรัฐมนตรีขึ้นรถคันใดและออกทางประตูใด

นายสุธี ชี้แจงว่า กระทรวงมหาดไทยมีประตูเข้าออกทั้งสิ้น 5 ประตู ตนเป็นผู้ส่งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นรถและได้เห็นรถคันดังกล่าววิ่งออกทางประตูทางออกด้านกรมการปกครอง เวลาประมาณ 15.00 น. แต่ไม่ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีอยู่ในรถคันดังกล่าวขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงทุบรถนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะไม่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะต้องเข้าไปดูแลสถานการณ์ภายในอาคาร หลังจากที่กลุ่มเสื้อแดงบุกรุกและเข้าค้นในกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งไม่ทราบว่าในช่วงก่อนและหลังที่นายกรัฐมนตรีออกไปจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว มีรถเข้าออกอีกหรือไม่ ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกจากกระทรวงมหาดไทยหลังกลุ่มคนเสื้อแดงสลายไปแล้ว

ยันไม่มีข้อมูลเสื้อแดงปลอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุกรรมการพยายามซักต่อว่าเหตุใดกลุ่มคนเสื้อแดงจึงเข้าไปบุกค้นภายในกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงได้ตรวจรถที่เข้าออกที่กระทรวงหรือไม่ ซึ่งนายสุธีชี้แจงว่า ไม่ทราบเจตนารมณ์ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เข้าไปบุกค้น ส่วนรถที่จะเข้าออกจากกระทรวงมหาดไทยกลุ่มคนเสื้อแดงตรวจทุกคัน แต่ไม่มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด


นายขจิต ชัยนิคม ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อนุกรรมการซักถามถึงกรณีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรวมทั้งสอบถามว่า มีคนเสื้อแดงปลอมอยู่ในกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายสุธีกล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 นาย แต่ทั้งนี้เป็นคนละส่วนกับ รปภ.ของนายกรัฐมนตรี ที่ถูกจับไปขึ้นเวทีของกลุ่มเสื้อแดง ขอยืนยันว่าไม่มีผู้เสียชีวิตในกระทรวงมหาดไทย ส่วนคนเสื้อแดงปลอมนั้นไม่ทราบข้อมูล

ตร.ยันนายกฯไม่ได้เปลี่ยนรถ

ต่อมาอนุกรรมการเชิญ พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ชี้แจงประเด็นที่นายกรัฐมนตรีอยู่ในรถจริงหรือไม่ ซึ่ง พล.ต.ต.วิทยากล่าวว่า เชื่อว่านายกรัฐมนตรีอยู่ในรถจริง เนื่องจากมีภาพยืนยันและขณะนั้นมีกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่เต็มไปหมดจึงเชื่อว่าไม่มีโอกาสจะเปลี่ยนรถได้ รวมทั้งได้ดูภาพจากสื่อโทรทัศน์ช่องต่างๆ และได้ตรวจดูซีซีทีวีของกระทรวงมหาดไทยไม่พบภาพการเปลี่ยนรถ

ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ อนุกรรมการจากพรรคเพื่อไทย ถามย้ำว่าเห็นนายกฯนั่งอยู่ในรถใช่หรือไม่ พล.ต.ต.วิทยากล่าวว่า ดูในกล้องวงจรปิดก็เห็นชัดว่านายกฯขึ้นรถดังกล่าวจริง แต่มองไม่เห็นว่านายกฯนั่งอยู่ในรถหรือไม่ เพราะรถติดฟิลม์ดำ ส่วนข้อสงสัยสับเปลี่ยนรถก็ยืนยันได้ว่าเลขทะเบียนรถของนายกฯที่เข้า-ออก กระทรวงหมาดไทยเป็นเลขทะเบียนเดียวกัน

ต่อมาอนุกรรมการเชิญนายสุทธิรักษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักอำนวยกิจการศาลรัฐธรรมนูญมาชี้แจง เมื่อวันที่ 13 เมษายน มีเหตุระเบิดขึ้นในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญในเวลา 01.24 น. และมีเจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 1 คน และมีวัตถุต้องสงสัยที่ตกเข้ามาที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ 3 ครั้ง แต่ไม่ระเบิดเข้าแจ้งความต่อ สน.พระราชวังแล้ว

ด้าน พ.ต.ท.อัศวยุทธ นุชพุ่ม รอง ผกก.สน.พระราชวัง กล่าวว่า ผลพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐานและหน่วยเก็บกู้ระเบิด กองบัญชาการตำรวจนครบาลพบว่าระเบิดทั้ง 3 ลูกเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 433 ขนาด 40 มม. แต่ใช้เครื่องเอ็ม 79 เข้ามาภายในศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ยิงและไม่มีข้อมูลที่จะสืบสวนต่อได้เลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุกรรมการจะเชิญนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี คนขับรถนายกรัฐมนตรี และคนขับรถเลขาธิการนายกรัฐมนตรี คณะรักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี คณะรักษาความปลอดภัยของกระทรวงมหาดไทย มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย

เชิญชาวนางเลิ้งแจงเหตุถูกยิง

เวลา 10.00 น. อนุกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงเหตุการณ์นางเลิ้ง, เพชรบุรี ซอย 5, 7 ยมราช, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และกรณีเตรียมเผาธนาคารกรุงเทพ หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ที่มีนายสุวิทย์ เมฆเสรีกุล ส.ว.สมุทรสาคร เป็นประธาน เชิญ พ.ต.อ.อาจินต์ จารุวร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผู้กำกำกับ สน.นางเลิ้ง พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ สน.พญาไท มาชี้แจง

นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ส.ส.กทม.อนุกรรมการจากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยหลังประชุมว่า ซักถามถึงเหตุความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนการวางเพลิง ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ซึ่งได้รับคำตอบจาก พ.ต.อ.จิรภัทรว่า จับกุมผู้ต้องสงสัย 3 ราย และอยู่ระหว่างการสอบสวน จากนั้น อนุกรรมการตรวจสอบข้อมูลที่เกิดขึ้นบริเวณตลาดนางเลิ้ง โดยเฉพาะการเสียชีวิต 2 รายของชาวตลาดนางเลิ้ง โดย พ.ต.อ.รังสรรค์ชี้แจงผลการชันสูตรพลิกศพซึ่งพบว่ากระสุนที่ฝังในร่างกายเป็นกระสุนคาร์บิน แต่ยังไม่ได้สรุปว่าใครเป็นผู้ลงมือ และวันที่ 1 มิถุนายน จะเชิญชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ ผู้บาดเจ็บ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม

ตร.ฟันธงคราบเลือดไม่ใช่หลักฐานใหม่

ด้าน พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการพิสูจน์ข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข ในบ้านแม่ทัพภาคที่ 1 ระบุว่ามีหลักฐานใหม่เป็นคราบเลือดที่หมอน ขอให้ตำรวจอย่าเพิ่งปิดคดี หลังจากที่เชิญไปชี้แจงรายละเอียดในการชันสูตรศพของพลทหารอภินพให้คณะอนุกรรมการฟังที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ว่า การชันสูตรพลิกศพ ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุในรูปของคณะกรรมการ ในความเห็นของพนักงานสอบสวนจากพยานหลักฐาน น่าเชื่อว่าการเสียชีวิตเกิดจากอุบัติเหตุ ส่วนคราบเลือดที่หมอนมีอยู่ในสำนวน ซึ่งคราบเลือดที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจพบเป็นจุดแดงๆ นิดเดียว มีอยู่เพียงจางๆ ต้องใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ส่องตรวจจึงพบ เป็นเลือดของพลทหารแสงเพชร สาลีพันธุ์ ทหารเกณฑ์รุ่นพี่ซึ่งพักอยู่ด้วยกัน พบบนหมอนเป็นคราบเลือดเก่า ไม่ใช่คราบเลือดใหม่ๆ สดๆ ที่พนักงานสอบสวนไม่ได้ให้ความสำคัญเพราะผลจากการตรวจพิสูจน์ศพคนตายโดยนิติเวช 2 แห่งทั้งที่ โรงพยาบาลรามาธิบดี และศิริราช ไม่พบว่ามีจุดใดที่มีเลือดออกเลย และพิสูจน์แล้วไม่ใช่เลือดของพลทหารอภินพ พนักงานสอบสวนตัดประเด็นนี้ออกไป

ฟ้อง"แรมโบ้อีสาน"ผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันเดียวกัน ที่ศาลแขวงดุสิต นายสุรพงษ์ วัฒนพานิช อัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) นำนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้ อีสาน แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยื่นฟ้อง เป็นจำเลย ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย กรณีปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เมื่อกลางเดือนเมษายนศาลนัดพร้อมคู่ความเพื่อสอบคำให้การจำเลย วันที่ 21 กรกฎาคม ทนายความจำเลยยื่นคำร้องขอประกันตัวโดยใช้ตำแหน่ง ส.ส.ของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

วันเดียวกัน พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) นำนายอดิศร เพียงเกษ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 แกนนำ นปช. ถูกดำเนินคดีข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ยุยงส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง เสนอนายพีรยุทธ์ ประดิษฐ์กุล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 พิจารณา และนัดสั่งคดีวันที่ 10 มิถุนายน ต่อมาทนายความ ยื่นหลักทรัพย์เงินสด 500,000 บาท ขอประกันตัวไป

นายอดิศรกล่าวว่า คดีของคนเสื้อแดงกลับสอบสวนเฉพาะผู้กล่าวหา ไม่ได้สอบผู้ถูกกล่าวหาที่มีการตั้งข้อหามั่วสุมเกิน 10 คน เป็นการยัดเยียดข้อหา จึงเตรียมฟ้องกลับตำรวจ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และแจ้งความเท็จ ส่วนข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯนั้นเห็นว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ชอบ ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ตนจะยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ

"ธานี"จี้สางคดี7ต.ค.51-ถล่มสนธิ

ด้าน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนสอบสวน คดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ล้อมรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 กล่าวหลังประชุมพนักงานสอบสวนว่า มีทั้งหมด 19 คดี ทำเสร็จส่งอัยการไปแล้ว 2 คดี เหลือ 17 คดี รวมถึงคดีที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ได้สั่งให้ผู้ที่รับผิดชอบรวบรวมพยานหลักฐานโดยเร็ว ยกเว้นคดีพ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือสารวัตรจ๊าบ คดี น.ส.อังคนา ระดับปัญญาวุฒิ และคดีภาพรวมวันที่ 7 ตุลาคม 2551มีปัญหาเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานต้องรอการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรแต่ขอเวลาอ่านสำนวนทั้ง 3 คดีก่อน อย่างไรก็ตามคดีสลายการชุมนุม 7 ตุลาคม 2551 ต้องเชิญ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 (อดีต ผบช.น.) ในฐานะผู้กล่าวหา มาสอบเพิ่มเติม ซึ่งพนักงานสอบสวนพยายามรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด คาดว่าเร็วๆ นี้อีก 14 คดี จะส่งอัยการได้

พล.ต.อ.ธานี กล่าวถึงความคืบหน้าคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พธม.ว่า พยายามทำคดีด้วยความรอบคอบอาจล่าช้าบ้าง ซึ่งได้มอบนโยบายว่าอย่าทำแบบลวกๆ สักแต่ว่าจะออกหมายจับ เพราะไม่เกิดประโยชน์ที่จะออกหมายจับรูปภาพ ออกหมายจับเศษกระดาษ จึงขอเวลาทำงานก่อนอย่าเพิ่งสรุปกันเองว่าใครเป็นคนทำ หรือตำรวจเจอตอ ไม่ใช่เหตุเกิดวันนี้แล้วพรุ่งนี้ตำรวจต้องตอบให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ ตำรวจเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้วิเศษ ขอยืนยันว่าคดีนี้หลักฐานต้องแน่นร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องไม่จับแพะ จับแกะ ผู้สื่อข่าวถามว่าจะจับตัวคนร้ายก่อนเกษียณอายุราชการหรือไม่ พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า เหลือเวลาอีกตั้ง 4 เดือน ซึ่ง พล.ต.อ.ธานี ถามย้อนว่า "แล้วทำไมต้องมาเป็นผมล่ะ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมี พล.ต.อ.เป็นโหล"

คาดคดีทุบรถนายกฯเสร็จมิ.ย.

เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ. ธานี เข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ใช้เวลาหารือกว่า 2 ชั่วโมง จากนั้น พล.ต.อ.ธานีเปิดเผยว่า มาประสานงานเพื่อนัดวันขอสอบปากคำนายสุเทพ ในฐานะพยานคดีกลุ่มคนเสื้อแดงรุมทุบรถที่กระทรวงมหาดไทย ก่อนหน้านี้ได้เรียนให้นายอภิสิทธิ์ ทราบแล้วว่าจะขอมาสอบปากคำ ซึ่งทั้ง 2 คนก็พร้อมให้ความร่วมมือ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นสอบปากคำ จะต้องถามเรื่องอยู่ในรถด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า "ทั้ง 2 ท่านก็อยู่ในรถ ใครบอกว่าไม่ได้อยู่" ในสำนวนมีข้อเท็จจริงบอกไว้ละเอียดอยู่แล้ว ถึงต้องมาสอบปากคำ ในฐานะที่ท่านเป็นผู้เสียหาย คาดว่าภายในเดือนมิถุนายนจะทำคดีที่กระทรวงมหาดไทยเสร็จแน่นอน

"มาร์ค"ขู่"จตุพร"ไม่หยุดปากฟ้องแน่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรณีจะฟ้องคดีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. ที่ออกมากล่าวหานายกฯไม่อยู่ในรถประจำตำแหน่งในเหตุการณ์ทุบรถที่กระทรวงหมาดไทย เมื่อวันที่ 12 เมษายน ว่า ตนให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ จริงๆ แล้วคงเข้าข่าย เพียงแต่ใจไม่อยากไปเป็นความกับใคร แต่ถ้าเขาไม่หยุด และอยากจะพิสูจน์ทางศาล ตนยินดีเท่านั้นเอง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook