กรรมที่ไม่ได้ก่อ! สาววัย 23 ถูกตำรวจจับคดีค้ายาบ้า ทนทุกข์ติดคุกฟรี 8 เดือน

กรรมที่ไม่ได้ก่อ! สาววัย 23 ถูกตำรวจจับคดีค้ายาบ้า ทนทุกข์ติดคุกฟรี 8 เดือน

กรรมที่ไม่ได้ก่อ! สาววัย 23 ถูกตำรวจจับคดีค้ายาบ้า ทนทุกข์ติดคุกฟรี  8 เดือน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ (7 ก.พ.62) เวลา 10.00 น. นางพัชรพร อายุ 49 ปี และนายสมบัติ อายุ 51 ปี พร้อมครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้าน ได้จัดพิธีบ่ายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อไม้ข้อมือเรียกขวัญให้กับ นางสาวสุพรรณษา อายุ 23 ปี หลังศาลชั้นต้น มีคำพิพากษายกฟ้อง น.ส.สุพรรณษา ว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ในคดียาเสพติด (ยาบ้า)

หลังจากเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2561 ที่ผ่านมา น.ส.สุพรรณษา ได้ซ้อนรถจักรยานยนต์กับแฟนหนุ่ม คือ นายศุภกิจ อายุ 21 ปี ที่เพิ่งคบกันไม่กี่เดือนไปทำธุระ แต่แฟนหนุ่มกลับพาไปส่งยาบ้า จำนวน 41 เม็ด ให้กับสายตำรวจที่ล่อซื้อ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจับกุมได้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาในความผิด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฏหมาย ซึ่งแฟนหนุ่มที่เป็นผู้ต้องหา ได้ให้การรับสารภาพ จึงถูกศาลตัดสินให้จำคุก 4 ปี 6 เดือน และปฏิเสธว่า น.ส.สุพรรณษา นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ครอบครัวไม่มีเงินประกันตัว จนถูกคุมขังในเรือนจำกลางสุรินทร์นานกว่า 8 เดือน ระหว่างสู้คดี โดยมีนายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความ อาสาเข้าไปช่วยเหลือทางกฏหมายฟรี จนศาลชั้นต้นตัดสินและได้รับอิสรภาพกลับคืนมาดังกล่าว

ซึ่งระหว่างพิธีผูกข้อมือ เรียกขวัญ น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร ถึงกับร้องไห้ ถึงแม้จะได้รับอิสรภาพแล้วก็ตาม เนื่องจากสภาพจิตยังคงอยู่ในอาการย่ำแย่ เพราะต้องถูกคุมขังถึง 8 เดือน โดยที่ตนเองไม่ได้กระทำผิด และไม่รู้ว่าจะได้ออกจากเรือนจำวันไหน ขณะที่ครอบครัวและญาติพี่น้องก็ยืนยันว่า น.ส.สุพรรณษา มีสภาพจิตใจที่เปลี่ยนไปมาก หลังจากได้รับอิสรภาพกลับมา พบว่าอยู่ในอาการซึมเศร้า ไม่ค่อยพูดค่อยจา ต่างจากก่อนถูกคุมขังจะเป็นคนร่าเริง ซึ่งทางครอบครัวอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลสภาพจิตใจและเยียวยาในสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับผู้บริสุทธิ์ด้วย

นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความ ผูกข้อมือให้น้องสุพรรณษา

นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ก็อยากให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจลูกหลานว่า เวลาที่จะคบหากับใครนั้นต้องดูให้ดี อย่างน้องคนนี้เพิ่งคบกันได้เพียงแค่ 4 เดือน แล้วนั่งรถไปด้วยกันโดยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กับคนที่ไปด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มหรือสาว ลูกหลานเยาวชน ถ้าใครชวนไปไหนมาไหนถ้าไม่สนิทกันจริงๆ อย่าได้เชื่อใจอย่าไปเด็ดขาด ซึ่งมันจะเป็นความเดือดร้อนให้กับตัวเราเองและก็พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพราะว่าโอกาสที่เราจะต่อสู้คดีหลุดเป็นเรื่องที่ยากมาก ครั้งนี้ถือว่าน้องเขายังมีบุญ แล้วเขาไม่ได้มีร่วมในการกระทำผิด ศาลจึงเชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ พิพากษายกฟ้อง

คดีนี้คือตนเป็นทนายประจำกองทุนยุติธรรมอยู่แล้ว ซึ่งรับว่าความช่วยเหลือคนยากคนจนผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งหลาย พอดีได้เจอกันเพราะว่าทางพ่อแม่ของน้องไปขอรับความช่วยเหลือจากสำนักงานแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้การช่วยเหลือ ตนจึงได้รับรู้และสอบถามเบื้องต้นจึงรับอาสาที่จะช่วยเหลือ เพราะมีฐานะยากจน แม้แต่เงินประกันตัวลูกออกจากเรือนจำตั้งแต่วันที่ลูกถูกจับก็ไม่มี

จากนั้นตนก็ได้ทำเรื่องเข้าไปสอบถามลูกความของตนที่เรือนจำ เขาก็พูดลำดับเหตุการณ์ให้ฟัง จึงรู้ว่าถ้าแบบนี้ไม่ผิด เลยถามเขาว่าถ้าไม่ผิดคุณจะสู้คดีไหม เขาบอกว่าสู้เพราะเขาไม่ได้ทำผิด ไม่ได้มีส่วนร่วม ตนเลยกลับมาคุยกับพ่อแม่ของน้องว่า ถ้าลูกของคุณยืนยันว่าสู้ ตนก็จะสู้คดีให้ เพราะตนสอบถามข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว น้องเขาไม่ได้ทำความผิดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 62 ศาลก็ได้มีการพิพากษายกฟ้องว่าน้องเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดในคดีนี้เลย ส่วนคู่คดีของเขารับสารภาพในคดีนี้ ติดคุก 4 ปี 6 เดือน และยืนยันว่าน้องผู้หญิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ไปด้วยกันจริงในเรื่องคดีดังกล่าว

ด้านนางพัชรพร ผู้เป็นแม่ กล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า ดีใจที่ลูกได้ออกจากเรือนจำ หลังถูกคุมขังมาถึง 8 เดือน ในคดียาเสพติด ที่ผ่านมาตนได้วิ่งสู้คดีจนถึงที่สุดเพราะมั่นใจลูกไม่ผิด ทนายที่ช่วยเหลือตนในตอนแรกก็ไม่รู้จักกัน ไปเจอกันที่ศูนย์ยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ โดยบังเอิญ นับเป็นบุญวาสนา หากไม่เจอในตอนนั้นก็รู้ว่าลูกจะได้ออกจากเรือนจำตอนไหน คิดไม่ออกและสับสนไปหมด เพราะฐานะที่บ้านก็ยากจน โดยศาลท่านตัดสินเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ว่าลูกของตนไม่ผิดและปล่อยออกมาให้เป็นอิสรภาพ รู้สึกดีใจจนร้องไห้ที่ลูกได้รับอิสระ เชื่อในความบริสุทธิ์ของลูกเชื่อจะได้ออกเพราะลูกไม่ผิด ก็ขอขอบคุณทางด้านทนายความที่อาสาช่วยเหลือโดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใดๆ สิ่งที่ต้องการในขณะนี้ก็คือการเยียวยา ชดเชย ให้กับลูกสาวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะต้องไปอยู่ในเรือนจำฟรีถึง 8 เดือน และตอนนี้ลูกก็เปลี่ยนไปมากจากคนที่ร่าเริง ออกมาจากเรือนจำก็เป็นคนไม่พูด ชอบอยู่คนเดียว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook