เช่ารถเมล์ 4,000 คัน ผลประโยชน์ต่างตอบแทน

เช่ารถเมล์ 4,000 คัน ผลประโยชน์ต่างตอบแทน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประเด็นร้อนที่อาจจะบานปลายกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล ในขณะนี้ หนีไม่พ้น โครงการเช่ารถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เพราะเป็นหนังเรื่องยาว ผ่านมือกระทรวงคมนาคม(หูกวาง)ถึง 3 รัฐบาล ก็ยังหาข้อยุติไม่ได้

 

ซ้ำร้ายกำลังจะกลายเป็นเผือกร้อนกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลเสียเอง

 

++ + รัฐบาลเปลี่ยน ขาใหญ่ขาเก่า

 

ปัญหาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี.4,000 คันของ ขสมก. ไม่ใช่เพิ่งเกิดในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่เป็นโครงการที่ตั้งไข่ มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว. คมนาคม เป็นหัวเรือใหญ่ เสนอเพื่อให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ความเห็นชอบ เมื่อ วันที่ 15 กรกฎาคม 2551 มีจำนวนรถที่จะเช่าทั้งหมด 6,000 คัน โดย คาดว่าจะมีเอกชนเข้าร่วมประกวดราคาถึง10 ราย

 

จนมาถึงยุค พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับดูแล และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม เรื่องก็ยังคาราคาซัง ไม่ยอมคลอดอยู่ดี

 

ทั้งนี้ เพราะ มีเสียงคัดค้านรายต้นๆ จากสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) โดยนายชาลี ลอยสูง กรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ให้เหตุผลว่า ที่นายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช จะยกเลิกรถร้อน 3,000 คัน แล้วหันไปเช่ารถเมล์ 6,000 คัน มีผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยและผู้ใช้แรงงงาน เนื่องจากว่า รถที่จะเช่าจำนวนดังกล่าว มีค่าเช่าวันละ 5,100 บาท/คัน ยังไม่รวมค่าพนักงานขับ สวัสดิการ เชื้อเพลิงอีกคันละ 4,706 บาท/วัน รวม 6,000 คัน ระยะเวลาเช่า 10 ปี จะเป็นจำนวนเงินมโหฬารถึง 221,809 ล้านบาท

 

หนำซ้ำขสมก.ไม่ได้เป็นเจ้าของรถเลย !

 

ขณะที่เอกชนจ่ายค่าเช่าซื้อรถแบบเดียวกันวันละ 2,250 บาท ได้เป็นเถ้าแก่เจ้าของรถใน 4 ปี ทันที!

 

สาเหตุที่ รถเมล์ จำนวนมหาศาลต้องเลื่อนเรื่อยมา แม้เปลี่ยนรัฐบาลไปแล้ว แต่คนมาคุม ทั้งหัวโต๊ะและระดับรอง ต่างเป็นคนพวกเดียวกัน แนบแน่นกับกลุ่มผู้ประกอบกิจการนำเข้ารถเมล์อีกต่างหาก

 

ไม่ว่าจะเป็นพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ อดีต ประธานคณะกรรมการกลั่นกรองชุดพิเศษ หรือวอร์รูมพิเศษ มีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสศช.เป็นเจ้าภาพจัดการมาแต่ต้น นายโสภณ ชารัมย์ รมว.คมนาคม ก็ดึงงานบริหารมาจัดการโครงการนี้ ต่อจาก นายทรงศักดิ์ ทองศรี อดีตรมช.คมนาคมสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนักการเมืองกลุ่ม(เพื่อนเนวิน)เดียวกัน

 

นักการเมืองนั้นจุดเด่นอยู่ตรงที่ผลประโยชน์ เมื่อตกอยู่กับตนเองแล้วจะทำเป็นหูหนวกตาบอดกันถ้วนหน้า

 

หากย้อนไปดูการตอบกระทู้ถามของนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งนายถาวร เสนเนียม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ค้าน เรื่องรถเมล์จำนวนดังกล่าวนี้ ซึ่ง นายสมัครชี้แจงว่า

 

ผมเป็นรมว.คมนาคม 2 ครั้ง รู้จัก ขสมก.ดี เมื่อสมัยผมอยู่ตัวเลขติดหนี้อยู่ 2,000 ล้าน ตอนนี้ 70,000 ล้าน ตัวเลขล่าสุด 74,000 ล้าน แล้วจะมีใครรับผิดชอบแก้ไขไหม ผมถูกกล่าวหาในเว็บไซต์ ได้รับเงิน 2,000 ล้านบาท เขาเขียนว่า บริษัทเดียวเข้ามารับ คำนี้แหละนำมาด่ากันข้างนอก ที่เขาเขียนว่าบริษัทเดียวเข้ามารับ บริษัทเดียวมาตกลงๆกับใคร ...

 

 

 

+รถเอ็นจีวีมาจากไหน

 

ใครที่ไม่ได้นั่งรถเมล์ หรือนั่งรถเมล์แล้วไม่สังเกต จะไม่รู้หรอกว่า รถที่วิ่งในถนนขณะนี้เป็นรถที่มาจากประเทศจีน หรือเจ้าของเป็นคนจีนร่วมทุนกับคนไทย เข้ามาแทนรถเบนซ์ รถแดวูจากเกาหลี หรือรถมิตซูบิชิ หรืออีซูซุจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะรถเมล์เอ็นจีวีขณะนี้ ต้องบอกว่ารถจีนเป็นเจ้าตลาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย นับว่าเป็นนวัตกรรมทางการเมืองที่เยี่ยมยอด ที่ใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องเลือกใช้บริการรถเอ็นจีวีผลิตโดยบริษัทจีนและจีนมีหุ้นส่วนร่วมอยู่ด้วยทั้งนั้น

 

แม้แต่ นักลงทุนรายใหญ่อย่างน.พ.บุญ วนาสิน ได้แสดงท่าทีสนใจโครงการนี้ ว่าจะเข้าร่วมประมูลโครงการนี้ แต่จะต้องร่วมกับกลุ่มธนบุรีประกอบยนต์ หรือกลุ่มธุรกิจต่อรถยนต์ที่บ้านโป่งจ.ราชบุรี เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวจากกลุ่มธุรกิจรถยนต์ ให้จับตา หลิน เข่อ นั่ว ประธานกรรมการบริหารของค่ายรถจีน โกลเด้น ดรากอน กรุ๊ป ไว้ รถที่วิ่งในกรุงเทพมหานคร ตลอดจนมีจำหน่ายกับเทศบาลหลายแห่งทั่วประเทศ เป็นฝีมือมังกรทอง รายนี้เป็นส่วนใหญ่

 

 

 

ขณะที่ ขสมก. เจ้าของภาพลักษณ์ รัฐวิสาหกิจขาดทุน จากปากคำของนายสมัคร ที่อ้างไว้ข้างต้นนั้น มีตัวเลขถึง 74,000 ล้านบาท หากจะเติมตัวเลข รถเช่า 4,000 คัน เข้าไปโดยอายุสัญญา 10 ปี เป็นจำนวนเงินถึง 69,788 ล้านบาทเข้าไปแล้ว เสี่ยงต่อการขาดทุนมหาศาล แต่เพื่อบริการประชาชน ก็ต้องมีรถไว้บริการ แต่หากมองเข้าไปถึงต้นทุนที่ประชาชนต้องแบกรับ ในรายการดังต่อไปนี้

 

(1.)ค่าเช่าตัวรถยนต์ คันละ 2,195 บาทต่อวัน เป็นเงิน 32,047 ล้านบาท (2.)ค่าซ่อมรถคันละ 2,250 บาทต่อวัน เป็นเงิน 32,850 ล้านบาท (3)ค่าระบบอิเล็กโทรนิกส์คันละ 157 บาทต่อวันเป็นเงิน 2,292 ล้านบาท (4)ค่าประกันภัยคันละ 31 บาทต่อคัน เป็นเงิน 453 ล้านบาท (5)ค่าภาษีคันละ 8 บาทต่อวันเป็นเงิน 117 ล้านบาท (6)ค่าบริหารจัดการคันละ 139 บาทต่อวันเป็นเงิน 2,029 ล้านบาท

 

และยังมีสอดไส้ค่าระบบอิเล็กโทรนิกส์รถร่วมขสมก.อีก 11,680 คัน วงเงินถึง 5,941.67 บาท เข้าไปด้วย

 

 

 

+เอกชนโวยทับเส้นทาง

 

มติครม. เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม กล่าวว่า ครม.ให้ทบทวนโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ของบริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือขสมก.และสั่งให้ตั้งกรรมการพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณารายละเอียด โดยเฉพาะค่าซ่อมบำรุงที่สูงเกินไป โดยจะนำผลการพิจารณาส่งให้ครม.อนุมัติภายใน 2 สัปดาห์นี้

 

สาระสำคัญนั้น ตีค่าว่าไปปรับแต่งตัวเลขใหม่เฉพาะค่าซ่อมรถคันละ 2,250 บาทต่อวัน เป็นเงิน 32,850 ล้านบาท เป็นการจัดฉากแก้เกี้ยวแต่งตัวเลขให้สูงเกินไป สุดท้ายครม.ไม่มีทางอื่นนอกจากอนุมัติ รถเอ็นจีวี 4,000 คันเท่านั้นเอง

 

สำหรับท่าทีของนายยรรยง อัมพรตระกูล ประธานชมรมรถร่วมบริการขสมก. ที่จะยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่าโครงการไม่สุจริต มีเหตุผลอื่นอีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางทับซ้อนเส้นทางเดินรถของเอกชน ทำลายผู้ประกอบการรายเดิม

 

เปรียบเป็นเสียงนกเสียงกาก็ดังเกินไป เมื่อเทียบวอลุมกัมปนาทของ เนวิน ชิดชอบ ผู้ซึ่ง เล่นเอง และตุนเสบียงเอง

 

เห็นได้จากหนังตัวอย่าง กรณี หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ประกาศปลดนาย ชาติชาย พุคยาภรณ์ ออกจาก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นช็อกซินีม่าเล็กๆให้เห็นต้นหน้าฝนปีนี้ จะมีเจตนาส่งสัญญาณถึงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือพลพรรคหรือไม่คงต้องดูซีรีส์ต่อไป

 

แต่จุดจบบนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจการเมือง ที่คนชักหุ่นอย่างเนวิน ชิดชอบ จะได้ เพื่อเดินทัพการเมืองสู่จุดมุ่งหมาย บรรลุไปทีละจุด ทีละจุดแล้ว

 

ข้อสรุปที่นายชัยรัตน์ สงวนซื่อ อธิบดีกรมขนส่งทางบก(ขบ.)ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการขสมก. ยังยืนยันที่ว่ารถเมล์เอ็นจีวีใหม่จะนำมาให้บริการเพิ่ม ไม่กระทบต่อรถร่วมเอกชน เพราะนอกจากจะมีเส้นทางปรับปรุงใหม่ของขสมก.145 เส้นทางแล้ว ยังมี 80-90เส้นทาง ให้รถวิ่งบริการได้ 2,000 คัน

 

จึงบอกได้ว่าพรรคภูมิใจไทยได้ยิ้มร่า กับผลประโยชน์ในโครงการรถเมล์เอ็นจีวี

 

4,000 คัน ที่รัฐบาลนี้อนุมัติออกไป และการแสดงทางการเมือง ที่อีกฝ่ายได้ประโยชน์จริง แต่ประชาชนก็เสียประโยชน์จริงๆ

 

โดยที่นักการเมืองจากพรรคการเมืองที่เกลียดทุจริตนักหนา เคยสร้างวาทกรรมไม่พายเรือให้โจรนั่ง นั้น ได้วางตัวอย่างเหมาะสมตีกัน ทุกผู้ทุกนาม แค่นั้นหรือ!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook