แรงงานเถื่อนขึ้นรถทัวร์ทำเนียนเป็นคนไทย สุดท้ายโดนจับเพราะ "กลิ่นตัวแรง"

แรงงานเถื่อนขึ้นรถทัวร์ทำเนียนเป็นคนไทย สุดท้ายโดนจับเพราะ "กลิ่นตัวแรง"

แรงงานเถื่อนขึ้นรถทัวร์ทำเนียนเป็นคนไทย สุดท้ายโดนจับเพราะ "กลิ่นตัวแรง"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อเวลา 11.00 น. (11 ก.พ.) ที่สถานีตำรวจภูธรสลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุวรรณฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.ท.เจริญพงษ์ ขันติโร สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองชุมพร นางสาววัลภา แก้วสวี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชุมพร และตำรวจชุดสอบสวน ได้ร่วมกันประชุมกำหนดประเด็นเกี่ยวกับการคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ โดยผ่านล่ามในการสอบสวน เพื่อจัดเก็บข้อมูลนำไปสู่การขยายและติดตามขบวนการค้ามนุษย์รายนี้

โดยสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 62 เวลา 02.00 ด่านตรวจยานพาหนะชุมพร กก.2 บก.ปส.4 นำโดย พ.ต.ท.พิทยา สองเมือง รอง ผกก.2 บก.ปส.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจฯ ได้สนธิกำลังตั้งจุดตรวจบริเวณริมถนนเพชรเกษม ขาล่องใต้ ม.2 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ระหว่างหลัก กม.ที่ 451 - 452 ซึ่งขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นรถโดยสารประจำทาง บริษัท ST ศรีสุเทพทัวร์ (กรุงเทพ-ทุ่งสง-เชียรใหญ่) ยี่ห้อวอลโว่ สี ขาว-ฟ้า ทะเบียน 15-4541 กทม. มี นายสุรศักดิ์ อายุ 28 ปี เป็นคนขับที่ 1 และนายประสิทธิ์ อายุ 29 ปี เป็นคนขับที่ 2 ขับเข้าด่าน ได้มีผู้โดยสารได้เปิดประตูแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านว่า มีผู้โดยสารน่าจะเป็นแรงงานต่างด่านชาวพม่าที่นั่งมาด้วย นับ 10 คน ได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั้งรถซึ่งเป็นรถปรับอากาศ

เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบ พบผู้โดยสารเป็นชาวเมียนมา จำนวน 13 คน โดยแยกเป็นชาย 8 คน หญิง 5 คน นั่งปะปนมากับผู้โดยสารคนไทย ตรวจสอบไม่มีเอกสารหลักฐานการเข้าเมืองแสดงต่อเจ้าหน้าที่ จากการสอบสวนคนขับรถทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 62 เวลา 20.00 ได้ขับรถโดยสารคันดังกล่าวออกจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. และได้รับการติดต่อจาก นายโอ ไม่ทราบชื่อ-สกุล ให้แวะรับชาวเมียนมา จำนวน 13 คน ที่ จ.สมุทรสาคร ให้ไปส่งที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยได้จ้างหัวละ 1,200 บาท จึงแจ้งข้อกล่าวหาคนขับรถโดยสารทั้ง 2 คน ว่า ร่วมกันนำพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย และได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สลุย เพื่อทำการสอบสวนคัดแยกเหยื่อ

ซึ่งจากการสอบสวนพบว่าจำนวนทั้ง 13 คน เป็นชาวเมียนมา จากรัฐยะไข่ โดยทุกคนมีสามี ภรรยาและญาติ อยู่ในประเทศมาเลเซีย จึงต้องการไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยยอมขายที่ดินและบ้าน เพื่อนำเงินที่คิดค่าเป็นเงินไทยแล้ว จำนวนประมาณ 1 แสนบาท จ่ายให้กับนายหน้า เพื่อพาหลบหนีนำพาจากรัฐยะไข่ ข้ามประเทศไทย โดยเข้าแนวตะเข็บชายแดน ภาคเหนือ ลัดเลาะเปลี่ยนมากับรถกระบะเป็นจุดสุดท้ายขึ้นรถทัวร์ปรับอากาศ แล้วมาถูกจับกุมดังกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook