นอนน้ำตาไหล! ระดมหมอช่วยพังกำไล

นอนน้ำตาไหล! ระดมหมอช่วยพังกำไล

นอนน้ำตาไหล! ระดมหมอช่วยพังกำไล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"พระราชินี" ทรงห่วงช้างพังกำไล พระ ราชทานคณะสัตวแพทย์รักษา ผอ.สถาบันวิจัยสุขภาพช้างฯ เผยอาการยังน่าเป็นห่วง ผลเอกซเรย์พบบาดเจ็บหนักที่ขาหน้าทั้งสองข้าง ได้แต่นอนตะแคงนิ่งขยับตัวไม่ได้ ต้องฉีดยาแก้ปวดบ่อยๆ และใช้รถเครนยกให้พลิกตัวป้องกันแผลกดทับ หวั่นอาจมีอวัยวะภายในได้รับความกระทบกระเทือนด้วย แต่การรักษาต้องรอทีมสัตวแพทย์ที่ระดมมาจากมหาวิทยาลัย มูลนิธิต่างๆ วินิจฉัยและรักษาร่วมกัน ชาวบ้านรู้ข่าวแห่เยี่ยมช้างพังเคราะห์ร้าย มาเห็นสภาพนอนน้ำตาไหลต่างสลดใจ เจ้าของเผยพังกำไลชื่อเล่นชื่อแต๋น ที่ผ่านมาเป็นช้างสุขภาพดีเยี่ยมมาตลอด เพิ่งแตกเนื้อสาวจึงจะพาไปผสมพันธุ์ก็มาเกิดเหตุร้าย

จากกรณีช้างพังกำไล อายุ 10 ปี 6 เดือน ประสบอุบัติเหตุจากรถที่บรรทุกจากจ.สุรินทร์พาไปผสมพันธุ์ที่พัทยา จ.ชลบุรี เกิดเบรกแตกไถลพุ่งชนเขา ที่อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้พังกำไลขาหน้าหักทั้งสองข้าง ลำตัวมีบาดแผล ได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัสน่าเวทนา หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จากสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติ จ.สุรินทร์ รุดมาช่วยเหลือเบื้องต้น แล้วนำพังกำไลมารักษาที่ร.พ.ช้าง จ.สุรินทร์ ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 พ.ค. สัตวแพทย์หญิง ภัทร เชื้อพลายเวช ผอ.สถาบัน วิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติ เปิดเผยว่า อาการของพังกำไลยังน่าเป็นห่วง เพราะต้องนอนตะแคงอยู่ข้างเดียวตลอดเวลา ยิ่งจะทำให้แผลกดทับ การไหลเวียนเลือดไม่สะดวก การรักษาช่วงนี้ดูตามอาการ มีการให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด ฉีดยาแก้ปวด แก้อักเสบ จนกว่าคณะสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์คชบาล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น สถาบันคชบาล จ.ลำปาง และมูลนิธิช้างจะมาถึงเพื่อร่วมวางแผนการรักษาต่อไป ช่วงนี้จะใช้รถเครนยกเพื่อพลิกพังกำไลให้ได้นอนตะแคงอีกด้านหนึ่ง ไม่ให้กดทับด้านเดียวนานๆ แต่ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ร่างกายและอวัยวะภายในกระทบกระเทือนบอบช้ำ

สพ.ญ.ภัทร กล่าวว่า สำหรับอาการทั่วไปของพังกำไลยังน่าห่วง เนื่องจากกินอาหารได้น้อย และไม่สามารถยืนได้ ผลเอกซเรย์ขาหน้าทั้งสองข้าง พบว่าหัวไหล่ขาขวาหลุด กระดูกขาซ้ายแตกบางชิ้น มีแผลและผิวหนังเปิดบริเวณต้นขาซ้ายด้านหน้า วันนี้ทีมแพทย์จะเอกซเรย์ขาอีกครั้งพร้อมประชุมวินิจฉัยหาแนวทางรักษา นอกจากนี้เกรงว่าจะมีอวัยวะภายในได้รับการกระทบกระเทือน หรืออาจมีเลือดออกภายในช่องท้อง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน ต้องรอผลการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนบาดแผลฉกรรจ์นั้น ทีมแพทย์ได้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อทำแผลแล้ว สำหรับช้างขาหน้าถือว่าสำคัญมาก เพราะต้องใช้รองรับน้ำหนักตัว พยุงตัว เคลื่อนตัวถึง 70% ขณะที่ขาหลังใช้เพียง 30% เท่านั้น

สพ.ญ.ภัทร กล่าวอีกว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระราชทานคณะสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังเดินทางมาดูแลพังกำไล คณะแพทย์ทั้งหมดจะได้ร่วมปรึกษาเพื่อรักษาพังกำไลต่อไป คาดว่าหากไม่มีอาการแทรกซ้อน พังกำไลจะกลับมาเป็นปกติภายใน 6 เดือน

ต่อมาเวลา 15.00 น. ทีมสัตวแพทย์ประจำสำนักพระราชวัง นำโดยม.ล.พิพัฒนฉัตร ดิศกุล นายสัตวแพทย์ประจำสำนักพระราชวัง เดินทางมาถึง และเข้าร่วมประชุมกับทีมสัตวแพทย์ต่างๆ ที่มาถึง หารือการช่วยเหลือพังกำไล

เวลา 15.40 น. ทีมสัตวแพทย์ได้ตัดสินใจใช้รถเครนน้ำหนัก 10 ตัน ยกตัวพังกำไล มีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังสุรนารี จังหวัดทหารบกสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัด รวมทั้งประชาชนที่มาดูอาการ พร้อมใจกันเข้าช่วย จนสามารถยกพังกำไลลุกขึ้นให้ยืนได้เพื่อตรวจบาดแผล และส่วนที่ถูกนอนทับมาตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่พบมีบาดแผลที่ขาหน้าซ้ายบวมมาก จึงทำแผลให้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากไม่ต้องการให้พังกำไลยืนนานเพราะจะเจ็บปวดบาดแผล เมื่อทำแผลเสร็จจึงผ่อนสายเครนให้พังกำไลนอนลง โดยจะให้ตะแคงตัวอีกข้างไม่ให้เกิดแผลกดทับ แต่ทำไม่ได้ต้องให้นอนตะแคงซ้ายเหมือนเดิม

ม.ล.พิพัฒนฉัตร กล่าวว่า ที่ต้องยกตัวช้างขึ้นเพื่อดูว่าสามารถพยุงตัวได้หรือไม่ และให้ทีมสัตวแพทย์เข้าตรวจบาดแผล ซึ่งขณะนี้ได้ประสานไปยังทีมแพทย์จากจุฬาและมหิดล เพื่อมาทำการรักษาแล้ว คาดว่าจะเดินทางมาในคืนนี้ หลังจากวางแผนการรักษาแล้วจะลงมือทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีชาวบ้านที่ทราบข่าวทยอยเดินทางมาดูอาการของพังกำไลอย่างต่อเนื่อง เมื่อได้เห็นสภาพทุกคนต่างรู้สึกสลดใจ เวทนาสงสาร โดยพังกำไลนอนซมบนพื้นที่มีฟางรองไว้ ขาหน้าทั้ง 2 ข้างบวมเป่ง น้ำตาไหลเกือบตลอดเวลา และชูงวงไปมาเหมือนต้องการขอความช่วยเหลือ ไม่สามารถขยับหรือพลิกตัวได้ สัตวแพทย์ต้องให้ยาแก้ปวดและยาแก้เครียดบ่อยๆ

นายสมศักดิ์ ศาลางาม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134 ม.9 หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เจ้าของช้างพังกำไล เปิดเผยว่า พังกำไลหรือที่คนในครอบครัวเรียกชื่อเล่นว่า "แต๋น" ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ไม่เคยมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน มีสัตวแพทย์จากร.พ.ช้างจะมาตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพิ่ง แตกเนื้อสาวจึงจะพาไปผสมพันธุ์ แต่ก็มาเกิดเหตุร้ายเสียก่อน ทำให้ทุกคนในครอบครัวเสียใจมากที่พังกำไลบาดเจ็บหนัก และน้าสาวของตนต้องเสียชีวิต

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook