หนุ่มคลั่งวันเงินเดือนออก ใช้มีดแทงท้อง-ปาดคอตัวเอง ตายสยอง

หนุ่มเมียนมาเมาฉลองวันเงินเดือนออก เดินไปหาเรื่องทะเลาะเมียและทำร้ายทุบตี ก่อนใช้มีดแทงท้อง-ปาดคอตัวเอง ตายสยองคาบ้านพักคนงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (16 ก.พ.) เมื่อเวลา 01.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธัญบุรี รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตสาเหตุถูกแทงด้วยอาวุธมีด ที่เกิดเหตุภายในบริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ ม.4 ต.บึงสนั่น อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานทำไม้พาเลท บริเวณด้านหลังปลูกเป็นบ้านพักคนงานจำนวน 2 ชั้น ที่เกิดเหตุอยู่ชั้นที่ 2 ห้องที่ 11

ภายในห้องพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นายMAUNG DWAY อายุ 40 ปี สัญชาติเมียนมา ลักษณะนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดโดยที่ลำตัวทับมีดพกปลายแหลมเปื้อนเลือดอยู่ 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการชันสูตรเบื้องต้นพบมีบาดแผลถูกแทงเข้าที่หน้าท้องแผลลึกประมาณ 2 เซนติเมตร 1 แห่ง ที่ลำคอถูกของมีคมแทงตัดเส้นเลือดใหญ่ความลึกประมาณ 6 เซนติเมตร 1 แผล เป็นเหตุให้เสียชีวิต

จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.อัมภา อายุ 35 ปี หัวหน้าคนงาน เปิดเผยว่า ทุกครั้งที่ผู้ตายดื่มสุราเข้าไปก็จะหาเรื่องทะเลาะและทำร้ายร่างกายภรรยาทุกครั้ง กระทั่งวันนี้เป็นวันเงินเดือนออกช่วงเย็นผู้ตายได้ไปซื้อสุรามาดื่ม กระทั่ง 20.00 น. ภรรยาทำโอทีอยู่ผู้ตายได้เดินไปที่ทำงานและทะเลาะวิวาทกัน ตนจึงให้ภรรยาของผู้ตายเลิกงานกลับบ้าน เพราะไม่อยากให้มีปัญหากันแต่ก็มาทะเลาะกันอีก

ทางด้าน นางตริง อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา ภรรยาของผู้เสียชีวิต ให้การผ่านล่ามว่า หลังจากกลับมาห้องสามีก็ชวนทะเลาะและยังพูดอีกว่าจะฆ่าให้ตาย ก่อนจะมีอาการฉุนเฉียวอย่างรุนแรงพร้อมกับใช้ไม้ตีที่ศีรษะ แขน ขาตนเอง ซึ่งตนเองเห็นท่าไม่ดีจึงเปิดประตูห้องวิ่งลงมาด้านล่างที่มีคนงานนั่งดื่มสุราอยู่เพื่อความปลอดภัย

กระทั่งมีคนงานเดินผ่านห้องตนเองซึ่งอยู่ติดกับบันไดทางลงซึ่งเปิดประตูอยู่ จนเห็นภาพสามีนอนคว่ำจมกองเลือดอยู่จึงไปเรียกเพื่อนคนงานมาดูจึงพบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงได้ประสานหัวหน้างานและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้าน พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ธัญบุรี เปิดเผยว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือที่อาวุธมีดที่ตรวจพบและพยานหลักฐานต่างๆ ในห้อง รวมทั้งเชิญภรรยาและพยานแวดล้อมไปทำการสอบปากคำเพิ่มเติม

เบื้องต้น สันนิษฐานว่าผู้ตายเกิดอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายตนเอง ด้วยการใช้มีดแทงท้องและปาดคอตัวเองที่ลำคอจนเสียชีวิต ซึ่งจากการตรวจสอบภายในห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือการถูกทำร้าย

อย่างไรก็ตาม ได้ให้อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป