นาทีบุกเข้าชาร์จตัว สาวคลั่งสะอื้น ยืนหวาดเสียวอยู่ริมเขื่อนเจ้าพระยา
สาวชัยนาทร่ำไห้สะอื้น คลุ้มคลั่งไม่ให้ใครเข้าใกล้ หลังออกไปยืนอยู่ริมเขื่อนเจ้าพระยาสุดหวาดเสียว ตำรวจกล่อมนานเป็นชั่วโมงไม่สำเร็จ กู้ภัยตัดสินใจใช้ทีเผลอเข้าชาร์จตัวจากด้านหลัง
(16 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สรรพยา จ.ชัยนาท ได้รับแจ้งมีเหตุหญิงสาวปีนรั้วขอบเขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท พยายามจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย จึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมประสานหน่วยกู้ชีพเทศบาลตำบลบางหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าช่วยเหลือ
จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณกลางเขื่อนเจ้าพระยา พบ นางสาวมาย (นามสมมติ) อายุ 28 ปี สวมใส่เสื้อกันหนาวสีเทา กางเกงยีนส์ขายาว ยืนอยู่ด้านนอกรั้วกั้นของขอบตัวเขื่อนเจ้าพระยา หญิงสาวมีอาการคลุ้มคลั่ง เนื้อตัวสั่น และตะโกนไล่ให้คนที่พยายามจะเข้าช่วยเหลือออกไป ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหน่วยกู้ชีพ พยามยามเกลี้ยกล่อมเพื่อให้หญิงสาวคนนี้กลับเข้ามา
แต่หญิงสาวคนดังกล่าวไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานเกือบชั่วโมง แต่การเกลี้ยกล่อมก็ไม่เป็นผล จึงได้ติดตามตัวแม่ของหญิงสาวมายังจุดเกิดเหตุเพื่อช่วยปลอบใจ ก่อนจะอาศัยช่วงที่หญิงสาวเผลอ บุกเข้าชาร์จจากทางด้านหลัง กระทั่งสามารถช่วยเหลือได้สำเร็จ หญิงสาวคนดังกล่าวได้ร้องส่งเสียงสะอื้น ก่อนจะเป็นลมหมดสติลงไป เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งยังโรงพยาบาลสรรพยาเพื่อทำการรักษา
นายทรงศักดิ์ เจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลตำบลบางหลวง จ.ชัยนาท ผู้เข้าช่วยเหลือ เปิดเผยว่า ตอนแรกยังไม่ได้รับคำสั่งให้เข้าทำการชาร์จเพื่อช่วยเหลือ แต่จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า หญิงสาวคนดังกล่าวมีภาวะของโรคซึมเศร้า
ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ทะเลาะมีปากเสียงกับคนในครอบครัว ตนสังเกตเห็นว่าน้องมีอาการเนื้อตัวสั่นและไม่ยอมกลับเข้ามาง่ายๆ จึงได้ทำการปรึกษากับทางผู้บังคับบัญชา หากหญิงสาวคนดังกล่าวไม่หันหลังกลับมา ก็ให้บุกเข้าชาร์จได้เลย
เป็นจังหวะพอดีกับช่วงแม่ของหญิงสาวคนดังกล่าวมา หญิงสาวได้ส่งเสียงกรีดร้อง เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจเข้าชาร์จในทันที โดยตนได้กระโดดข้ามรั้วและล็อกตัวจนมั่นใจว่าไม่หลุดก็ให้เจ้าหน้าที่นั้นดึงเชือก พร้อมกับนำตัวหญิงสาวไปส่งรักษา
ซึ่งจากการช่วยเหลือในครั้งนี้ตนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหลัง เพราะเนื่องจากกระแทกกับรั้วกั้นอย่างแรง แต่ก็ดีใจที่ปลอดภัยจากเหตุการณ์ช่วยเหลือในครั้งนี้ และยังรู้สึกภูมิใจ เพราะอาชีพของตัวเองคืออาชีพ กู้ชีพ ก็มีหน้าที่คอยช่วยเหลือชีวิตคนอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ตัวเองภูมิใจมากกว่าทุกกครั้งที่ทำงานมา