ช้างงาเดียวอำมหิต คลั่งกระทืบ-แทงร่างฆ่าเจ้าของ เมียฝรั่งร่ำไห้ข้างศพ
"เจ้าบุญโชค" ช้างงาเดียวนิสัยหงุดหงิด คลั่งทำร้ายเจ้าของสุดที่รัก ย้ำกระทืบเต็มแรง-ใช้งาแทงแรงพรุน คนงานมาพบร่างตอนรุ่งสาง เสียชีวิตน่าเศร้าใจ
(16 ก.พ.) ร.ต.อ.อนุสรณ์ เนียมแก้ว รองสว.(สอบสวน) สภ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ได้รับแจ้งเหตุช้างคลั่งทำร้ายเจ้าของเสียชีวิต ภายในศูนย์อภิบาลช้างบุญรอด บ้านนาต้นจั่น หมู่ 5 ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นปางช้าง มีพื้นที่ราบสลับกับเนินเขา เนื้อที่กว่า 2,000 ไร่
บริเวณข้างไร่ข้าวโพดก่อนถึงที่ทำการศูนย์ฯ พบศพ นายอนน อายุ 38 ปี เจ้าของช้าง สวมใส่กางเกงม่อฮ่อมขาสามส่วน ผ้าขาวม้าคาดเอว ไม่สวมเสื้อ นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต จากการชันสูตรพลิกศพพบว่ามีรอยถลอกหลายแห่ง คอหัก กระดูกแขน ขา และซี่โครงหักเกือบทั้งตัว แพทย์ระบุเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง โดยมี นางแคทเธอรีน อายุ 38 ปี ภรรยาชาวอังกฤษนั่งร้องไห้เสียใจอยู่ข้างๆ ศพสามี
ขณะที่ห่างออกไป ประมาณ 30 เมตร พบช้างเพศผู้ อายุ 10 ปี ยืนเคี้ยวหญ้าตาขวางอยู่ใต้ต้นไม้ โดยมีโซ่ล่ามขาหลังข้างขวาไว้กับต้นไม้ ทราบชื่อ “เจ้าบุญโชค” ลักษณะเด่นคือมีงาข้างซ้ายที่ยาวโค้ง ส่วนงาข้างขวาสั้นกุด
จากการสอบสวนทราบว่า นายอนนกับนางแคทเธอรีน ได้ก่อตั้งศูนย์อภิบาลช้างแห่งนี้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ปัจจุบันมีช้างอยู่ในการดูแล 18 เชือก โดยมีผู้ตายเป็นหัวหน้าควาญช้างและเป็นคนเลี้ยงช้างเจ้าบุญโชคมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ ซึ่งเจ้าบุญโชคมีนิสัยดุร้าย หงุดหงิดง่าย จะมีเพียงแต่ นายอนน เท่านั้นที่สามารถควบคุมได้
นายจำลอง อายุ 56 ปี ควาญช้างในป้างช้าง เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุพบเห็นผู้เสียชีวิตในช่วงเวลาประมาณ 15 00 น. เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ก่อนจะหายไปเลย จนกระทั่งช่วงเช้าวันนี้ คนงานได้นำหญ้าสดมาให้กับเจ้าบุญโชค ก่อนจะพบร่างของนายอนนนอนแน่นิ่งอยู่ใกล้ๆ จึงเรียกเพื่อนคนงานและควาญช้างมาช่วยกันนำร่างออกมาให้ห่างช้าง แต่ปรากฏว่าพบว่า นายอนน ได้เสียชีวิตลงแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวานนี้ นายอนนได้นำช้างบุญโชคมาเลี้ยงตามปกติ แต่เจ้าบุญโชคคงหงุดหงิด เนื่องจากอากาศร้อนอบอ้าว ประกอบกับเห็นว่าผู้เสียชีวิตไม่มีตะขอบังคับช้างติดตัว จึงทำร้ายร่างกาย ด้วยการการกระทืบและใช้งาแทงร่างจนเสียชีวิต ทั้งนี้ญาติๆ ไม่ติดใจสาเหตุการตาย เจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป