เต็มวงเงิน? ญาติพริตตี้สาวเหยื่อนวดแล้วแท้ง รับไม่ได้โรงพยาบาลอิดออดจะไม่รักษาต่อ

เต็มวงเงิน? ญาติพริตตี้สาวเหยื่อนวดแล้วแท้ง รับไม่ได้โรงพยาบาลอิดออดจะไม่รักษาต่อ

เต็มวงเงิน? ญาติพริตตี้สาวเหยื่อนวดแล้วแท้ง รับไม่ได้โรงพยาบาลอิดออดจะไม่รักษาต่อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี นางสาววิราวรรณ อายุ 26 ปี สาวท้อง 6 เดือน ช็อกหมดสติและแท้งลูก หลังเข้าไปใช้บริการนวดเท้าที่ร้านนวดในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 62 และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ต้องมีสภาพไม่ต่างจากเจ้าหญิงนิทรานั้น นายชัยวัฒน์ อายุ 54 ปี น้าของนางวิราวรรณ เปิดเผยว่า ล่าสุดอาการของนางสาววิราวรรณมีแต่ทรงกับทรุด โดยครอบครัวและญาติยอมรับสภาพว่าไม่มีทางฟื้นคืนกลับมาได้อย่างแน่นอน เพราะสมองน่าจะตายไปหมดแล้วตั้งแต่ตอนที่แท้งลูก และตัวนางสาววิราวรรณต้องปั๊มหัวใจถึง 3 รอบ ให้กลับมาหายใจ แต่ขาดอากาศไปเลี้ยงสมองเป็นเวลานาน

>> สาวท้อง 6 เดือน นวดเท้าแผนไทยแล้วช็อกคาเตียง แท้งลูก-อาการโคม่า

นายชัยวัฒน์ เปิดเผยอีกว่า จากการไปเยี่ยมอาการของหลานสาวล่าสุด พบว่าทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลไม่ได้ให้ความใส่ใจดูแลคนป่วยอย่างที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ยังพยายามแนะนำให้นำตัวนางสาววิราวรรณกลับไปรักษาตัวที่บ้านด้วย โดยบอกว่าอาการดีขึ้นแล้ว ซึ่งขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริงที่นางสาววิราวรรณยังนอนชักตลอดเวลา และต้องมัดแขนมัดขาไว้กับเตียง รวมทั้งต้องใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจด้วย ซึ่งประเมินแล้วว่าหากแม่ของนางสาววิราวรรณต้องนำตัวกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าก็เหมือนกับนำตัวหลานสาวกลับไปตายอย่างเดียว อีกทั้งครอบครัวไม่มีกำลังที่จะดูแลอย่างแน่นอน เพราะนางสาววิราวรรณเป็นคนหาเงินเพียงคนเดียวเพื่อเลี้ยงแม่ชราและลูกชาย

>> หมอนวดโผล่ให้ปากคำ ลูกค้าตั้งครรภ์เลยไม่นวดตัวให้ แต่นวดเท้ากว่า 1 ชั่วโมง

>> เปิดภาพนาทีสาวท้อง 6 เดือน ช็อกคาร้านนวด แม่เฒ่าครูออกโรงชี้แจง (มีคลิป)

ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ บอกว่า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนหนึ่งบอกด้วยว่า หากต้องการให้นางสาววิราวรรณพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลต่อไป ทางญาติจะต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด เนื่องจากวงเงินคุ้มครองการรักษาตามสิทธิประกันสังคมของนางสาววิราวรรณเต็มวงเงินแล้ว อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจะให้หลานสาวรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลต่อไป เพราะเห็นว่าทางโรงพยาบาลเป็นฝ่ายที่พยายามจะยื้อชีวิตของนางสาววิราวรรณไว้ ด้วยการชักจูงให้แม่เซ็นชื่อยินยอมให้เจาะคอ ทั้งที่ญาติปฏิเสธตั้งแต่แรกและในตอนแรกญาติยอมรับสภาพว่านางสาววิราวรรณต้องเสียชีวิตแน่ จึงจะปล่อยให้จากไปอย่างสงบ ซึ่งเมื่อยื้อชีวิตไว้แล้วก็ควรจะต้องให้การรักษาต่อไปจนถึงที่สุด ไม่ใช่พอมีค่าใช้จ่ายเกินวงเงินคุ้มครองตามสิทธิประกันสังคมแล้วจะปล่อยให้กลับไปตายที่บ้าน     

ส่วนเงินช่วยเหลือเยียวยาที่มีการมอบเพื่อช่วยเหลือนางสาววิราวรรณตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น นายชัยวัฒน์ บอกว่า ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นเพิ่งได้รับเงินช่วยเหลือทั้งหมดจำนวน 20,000 บาทเท่านั้น โดยที่ทางหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและคู่กรณีรับปากว่าจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีความคืบหน้าจากที่มีการนัดไปพูดคุยเจรจากันล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 62 ซึ่งในส่วนของค่ารักษาพยาบาลนั้น ในเมื่อทางโรงพยาบาลแจ้งว่าเต็มวงเงินแล้วก็คงจะต้องให้ทางคู่กรณีเป็นฝ่ายรับผิดชอบ โดยยืนยันว่าจะไม่นำตัวหลานสาวออกจากโรงพยาบาล ขณะเดียวกันกำลังพิจารณาและจะปรึกษาผู้รู้ว่าจะสามารถร้องเรียนหรือดำเนินการใดๆ กับทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังได้หรือไม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook