เลือกตั้ง 2562: “เสรีพิสุทธิ์-เรืองไกร” ยื่น กกต. ยุบ "พลังประชารัฐ" ขู่ช้าจะงัด ม.157

เลือกตั้ง 2562: “เสรีพิสุทธิ์-เรืองไกร” ยื่น กกต. ยุบ "พลังประชารัฐ" ขู่ช้าจะงัด ม.157

เลือกตั้ง 2562: “เสรีพิสุทธิ์-เรืองไกร” ยื่น กกต. ยุบ "พลังประชารัฐ" ขู่ช้าจะงัด ม.157
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ ยื่น กกต. ยุบพรรค พปชร. ชี้เสนอชื่อคนยึดอำนาจเป็นนายกฯเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ส่วน "เรืองไกร"มารอบ 2 พร้อมมั่นใจ ทษช.ไม่โดนแน่

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นเรื่องยุบพรรคพลังประชารัฐ อีก 1 ข้อหาในกรณีที่เสนอคนที่ยึดอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตย

โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า การที่พรรคพลังประชารัฐ เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ตนขอเอาประเด็นที่เทียบเคียงกับพรรคไทยรักษาชาติ อยากถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจเข้ามา ถึงแม้ว่าจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ เรื่องกบฏแล้ว

อีกทั้งยังมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 และ ได้เขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมานั้น เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย หรือไม่ พรรคพลังประชารัฐ ไปเสนอให้คนยึดอำนาจ มาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค ก็น่าจะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ด้วยชัดยิ่งกว่ากรณีพรรคไทยรักษาชาติ กรณีของพรรคไทยรักษาชาติ 3 วันทำเสร็จ ถ้าตนยื่นกรณีนี้จะพิจารณาข้อหาเดียวกันด้วย หรือไม่ ถ้าไม่ทำ ก็จะดำเนินคดี กกต.ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในมาตรา 157 ต่อไปด้วย

ส่วนกรณีการเกณฑ์ทหารที่มีข้อถกเถียงกันนั้น ส่วนตัวมองว่า เรื่องนี้มีคู่กับบ้านเมืองมานานแล้ว แต่ก็มีการโกงด้วยการมีทหารรับใช้เรื่องส่วนตัว มาถึงวันนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่มีอะไรยั่งยืนตลอดไป และตั้งข้อสังเกตถึงการย้ายทะเบียนบ้านของทหารเกณฑ์เข้าไปในกรมกอง เพื่อโกงการเลือกตั้งและสืบทอดอำนาจ

ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ เข้ายื่นหนังสือให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง พิจารณาให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ หลังจากพบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งมองว่าอยู่ในหลักการเดียวกัน จึงอยากให้ กกต. ปฏิบัติเหมือนกันคือการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชารัฐ

นายเรืองไกร กล่าวว่า กกต. ได้อ้างกฎหมายมาตรา 92 (2) ที่เกี่ยวเนื่องกับการที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งยังเป็นหัวหน้าคณะรักษาชวามสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งถือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ส่วนอีกประเด็นหนึ่ง คือการที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน มีการจดจัดตั้งพรรคการเมืองก่อนการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ด้วย

และประเด็นสุดท้าย ขอให้ กกต. เสนอยุบพรรคพลังประชารัฐ คือการระดมเงินทุนจากโต๊ะจีน ที่พรรคพลังประชารัฐระดมทุนซึ่งต้องเสนอเรื่องให้ กกต. พิจารณา ซึ่งการระดมเงินทุนในครั้งนั้น ทางพรรคฯ ได้เงิน 650 ล้านบาท แต่เมื่อชี้แจงกับ กกต. กลับได้มา 90 ล้านบาท และอ้างว่านอกจากนั้นเป็นเงินที่ได้รับบริจาค

ทั้งนี้ ตนเองไม่ได้เป็นห่วงพรรคไทยรักษาชาติเลยเพราะคาดว่าไม่โดนยุบพรรคแน่นอน เพราะกกต.มีการทำงานที่ข้ามขั้นตอนที่สำคัญอันเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญตีตกได้ ดังนั้นอยากขอให้กกต.ค่อยๆพิจารณาทำทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook