ออกหมายเรียกลูกจ้างตัวแสบ-ดอดฉกเงินนายจ้างห้างดังชัยภูมิ พร้อม จยย.ซิ่งหลบหนี
(20 ก.พ. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีเหตุหนุ่มคนงานตัวแสบดอดขโมยเงินสดนายจ้าง พร้อมรถจักรยานยนต์รายนี้ โดยนายธีรภัทร อายุ 51 ปี เจ้าของห้างค้าส่งขนาดใหญ่ ประจำอำเภอชื่อดัง ในพื้นที่ ต.หนองบัวระเหว อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.จตุพร โพธิ์ขุนทด รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.หนองบัวระเหว อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ เมื่อเช้าวัน 20 ก.พ.ที่ผ่านมา
หลังถูกคนงานของห้างแอบย่องเข้าไปขโมยเงินสดของนายจ้างที่เก็บไว้ในลิ้นชักเก็บเงินของห้างร้านค้าจำนวน 31,000 บาท พร้อมกับได้ขโมยรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ที่หน้าร้าน ได้หายไปด้วยเช่นกันก่อนหลบหนีไป เหตุเกิดช่วงเวลา 14.31 น.ของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
หลังเข้าแจ้งความได้พาตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมดูกล้องวงจรปิด โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพขณะคนงานแอบขโมยเงินสด ในลิ้นชัก และขโมยรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฟีโน่ สีเหลือง ติดโลโก้ เบียร์สิงห์ ซึ่งเป็นรถที่ทางร้านจับฉลากได้ แต่ยังไม่ได้โอน จึงไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยรถคันดังกล่าวเป็นรถที่เจ้าของรักมาก เนื่องจากรถสีนี้ติดโลโก้แบบนี้มีเพียงคันเดียวในอำเภอหนองบัวระเหว
นายธีระพงษ์ เผยว่า ตลอดทั้งเมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) ตนไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมาหลังเก็บข้าวของภายในร้านเสร็จ ได้มีการตรวจสอบยอดเงินดู ถึงรู้ว่าเงินสดที่มีกับบัญชีไม่ตรงกัน ตนจึงได้ไปเปิดกล้องย้อนหลังดู ถึงกับตกใจเมื่อเห็นภาพคนงานที่ตนเองได้รับคนงานคนนี้ มาทำงานได้ประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา โดยจ่ายค่าจ้างเป็นรายวัน วันละ 400 บาท
ซึ่งที่ผ่านมาตนพยายามขอบัตรคนงานคนนี้ไว้เพื่อจะได้ทราบชื่อและที่อยู่ที่แท้จริงแต่ก็โดยบ่ายเบี่ยงตลอดมา ทราบเพียงชื่อที่ใช้ใน Facebook ว่า “สมพงษ์ จันเทวี” อายุประมาณ 32 ปี ตนจึงได้นำภาพในกล้องวงจรปิดมาแชร์ผ่านโซเชียลเพื่อให้เพื่อนๆทาง Facebook เห็นคนในรูปและเห็นรถคันดังกล่าว เพื่อช่วยติดตามเอาตัวมารับผิดตามกฎหมาย พร้อมกับเข้าแจ้งความที่ สภ.หนอบัวระเหวแล้ว
ขณะที่ ร.ต.อ. จตุพร โพธิ์ขุนทด รอง สว.(สอบสวน)หลังจากรับแจ้งความว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ในช่วงของการตรวจสอบข้อมูลบุคคลอยู่ เพื่อยืนยันรายชื่อและที่อยู่ให้ชัดเจน
เบื้องต้นทราบว่าคนงานดังกล่าวชื่อ นายสมพงษ์ อายุ 32 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.คลองเรือ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี ทั้งนี้ก็จะได้เรียกเพื่อนร่วมงานมาสอบสวน และผู้ที่เกี่ยวข้องหรือพบเห็นเหตุการณ์ในวันเวลาดังกล่าวมาสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งมีพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดสามารถยืนยันได้ว่าบุคคลดังกล่าวทำผิดชัดเจนอยู่แล้ว
ซึ่งจะได้ออกหมายเรียกให้ผู้ที่กระทำผิดมารับทราบข้อกล่าวหา และหากยังไม่มาก็จะออกหมายจับเพื่อดำเนินคดี ในข้อหาลักทรัพย์นายจ้างต่อไป