โวย 35กมธ.ทัวร์นอกอ้างดูงาน! ขรก.วิจารณ์แซ่ดผลาญงบประมาณแผ่นดิน
ข้าราชการวิจารณ์"35กมธ."อาศัยช่วงปิดสภาฯ รอ"ชัย"ติดภารกิจออสเตรเลียอนุมัติ เตรียมทัวร์ยุโรป อ้างดูงานต่างประเทศ อัดผลาญงบประมาณแผ่นดินในช่วงศก.ไม่ดี สงสัยครม.ออกหนังสือห้ามขรก. ไม่ยอมห้ามส.ส. แนะจัดสัมมนาในไทยให้เงินหมุนเวียน
กรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 35 คณะ ได้วางแผนเตรียมการเดินทางไปศึกษาดูงานยังต่างประเทศ หลังปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เน้นเดินทางไปประเทศแถบยุโรป ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้งบประมาณของแผ่นดินในการเดินทางไปศึกษาดูงานในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศไม่ดี
ทั้งนี้ มีรายงานจากสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ว่า กมธ.คณะต่างๆ ที่จะเดินทางไปศึกษาดูงาน เช่น กมธ.การต่างประเทศกำลังพิจารณาว่าจะเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศใด ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับสเปน, กมธ.การป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด และ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ วางแผนไปประเทศแถบยุโรป, กมธ.กิจการชายแดนไทยวางแผนว่าจะไปสาธารณรัฐประชาชนจีน, กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และผู้พิการ วางแผนจะไปแถบออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ฯลฯ
ทั้งนี้ กมธ.แต่ละคณะจะมีงบประมาณเดินทางคณะละ 3 ล้านบาท รวม 35 คณะ เป็นเงิน 105 ล้านบาท ล่าสุด กมธ.บางคณะได้ทำหนังสือสอบถามแนวทางการขออนุมัติการเดินทางไปยังสำนักงานเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ติดภารกิจที่ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม-2 มิถุนายน จึงยังไม่มีการอนุมัติ
รายงานข่าวจากสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า กรณีดังกล่าวทำให้เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ข้าราชการเกี่ยวกับการเดินทางไปดูงานในต่างประเทศของ กมธ. โดยมองว่าไม่มีความเหมาะสมเนื่องจากขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ ขณะเดียวกัน คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังเคยมีหนังสือเวียนจากสำนักเลขาธิการ ครม. ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ นร 0506/ว29 ถึงรัฐมนตรีและหัวหน้าหน่วยงานของราชการ ขอความร่วมมือไม่ให้เดินทางไปดูงานในต่างประเทศหากไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงห้ามแต่ข้าราชการ แต่ไม่ห้าม ส.ส.
นอกจากนี้ ยังมีการมองกันว่าหากจะมีการดูงานก็ควรทำในรูปแบบการจัดสัมมนาภายในประเทศ เพื่อให้เงินไหลเวียนลงชุมชนเกิดการใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศมากกว่า อย่างไรก็ตาม หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ กมธ.บางคณะ เริ่มมี ส.ส.เห็นแตกต่าง โดยบางส่วนมองว่าไม่ควรไป เพราะประเทศกำลังประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ขณะที่บางส่วนมองว่าควรไปเพราะได้ไปศึกษาดูงานเพื่อนำมาปรับใช้ในการบริหารประเทศ ที่สำคัญถ้าใช้งบประมาณไม่หมด ก็ต้องนำเงินคืนคลัง
ข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ ช่วงปิดสมัยประชุมเมื่อครั้งที่ผ่านมา ก่อนการเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2551 นายชัยมีคำสั่งด่วนไม่อนุญาตให้ กมธ.คณะใดเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากต้องการควบคุมเสียงโหวต มีเพียงคณะเดียวที่หลุดไปได้ เนื่องจากใช้แบบฟอร์มการอนุมัติชุดเดิม และขณะนี้ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกำลังดำเนินการเรียกเงินคืนอยู่จาก กมธ.ชุดดังกล่าวอยู่ เนื่องจากผิดระเบียบการขออนุญาตเดินทางไปดูงานในต่างประเทศ และนายชัยมีคำสั่งให้นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย
ด้านนายสามารถ รักษาราชการแทนประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่า การอนุมัติการเดินทางไปดูงานยังต่างประเทศของ กมธ. ประธานสภาให้นโยบายว่า 1.อย่าพึ่งอนุมัติการเดินทาง รอให้ประธานกลับมาก่อน เพราะตอนนั้นยังไม่ชัดเรื่องวันเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ซึ่งตอนนี้เมื่อชัดเจนแล้วว่าจะประชุมกันวันที่ 15-23 มิถุนายน ประธานคงไม่อนุมัติให้คณะใดเดินทางไปช่วงดังกล่าว 2.หลังจากนั้นให้เป็นดุลพินิจของแต่ละคณะ เพราะรัฐบาลประสานมาว่าเมื่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้ อยากให้สภาเป็นแบบอย่างที่ดี ถ้าชะลอการเดินทางไว้ก่อนได้ก็ดี
"การเรียกเงินคืนจากประธาน กมธ.คณะหนึ่งที่ไปดูงานต่างประเทศเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ผมดำเนินการสอบสวนนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ดี ไม่ต้องห่วงว่างบฯจะรั่วไหล เพราะ กมธ.จะไปไหน ก็ต้องมาขออนุมัติตามระเบียบ ซึ่งเป็นการทำเรื่องขอยืมมา แล้วมาเคลียร์หลังกลับ ซึ่งถ้าไปไม่ถูก สภาก็อาศัยสัญญาการยืมเงินบังคับให้เอามาคืนได้ และถ้าไม่คืนก็มีระเบียบข้ออื่นประกอบกับสัญญาบังคับ เช่น การหักเงินเดือนเพื่อนำมาคืน เป็นต้น อย่างไรก็ดี ตอนนี้ประธาน กมธ.คนดังกล่าวเอาเงินมาคืนแล้วส่วนหนึ่ง" นายสามารถกล่าว