ภรรยาเหยื่อรถตู้กรมเจ้าท่า 6 ศพ เผยลางบอกเหตุก่อนสามีตาย คำพูดสุดท้าย "ลาก่อนนะ"

ภรรยาเหยื่อรถตู้กรมเจ้าท่า 6 ศพ เผยลางบอกเหตุก่อนสามีตาย คำพูดสุดท้าย "ลาก่อนนะ"

ภรรยาเหยื่อรถตู้กรมเจ้าท่า 6 ศพ เผยลางบอกเหตุก่อนสามีตาย คำพูดสุดท้าย "ลาก่อนนะ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีเจ้าหน้าที่กรมเจ้าหน้าเช่าเหมารถตู้โตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน ฮท 8263 กรุงเทพมหานคร กลับจากปฏิบัติราชการที่ จ.ภูเก็ต ได้ประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้ ทำให้มีเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าเสียชีวิต 6 ศพ และบาดเจ็บสาหัส 5 คน เหตุเกิดที่ กม.ที่ 33+400 ช่องทางขาขึ้นบนถนนเอเชีย 41 หมู่ที่ 4 ตำบลสวี อ.สวี จ.ชุมพร เมื่อช่วงสายวันที่ 24 ก.พ.62 ที่ผ่านมา

>> รถตู้เจ้าหน้าที่ "กรมเจ้าท่า" กลับจากทำงานภูเก็ต ชนต้นไม้ร่องกลางถนน ดับ 6 ศพ

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 25 ก.พ.62 หลังจากที่บรรดาญาติๆของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ศพ ได้ไปจัดการเรื่องเอกสารการเสียชีวิตที่ สภ.สวี และโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นได้เดินทางมาที่มูลนิธิชุพรการกุศลสงเคราะห์ ถนนประชาอุทิศ เขตเทศบาลเมืองชุมพร ซึ่งได้เก็บศพไว้ 5 ศพ คือศพ 1.นายปรีชา วะโตเจียม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเจ้าพนักงานเดินเรือชำนาญงาน 2.นายกิตติ สิริจงจันทรา ลูกจ้างประจำ ตำแหน่งพนักงานทั่วไป 3.นายชัยวัฒน์ สิทธิการ พนักงานราชการ ตำแหน่งช่างเครื่องเรือ 4.นายสำเริง กระแสร์สินธ์ พนักงานราชการ ตำแหน่งกะลาสีเรือ 5.นายอินธุราม พูลทรัพย์ พนักงานราชการ ตำแหน่งกะลาสีเรือ ส่วนศพที่ 6.นายจตุรงค์ สาระนัย ลูกจ้างประจำ ตำแหน่งพนักงานขุด ได้เก็บไว้ที่โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

โดยได้มี นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ ผอ.สำนักพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำ กรมเจ้าท่า นายปณัย หนูแท้ ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาชุมพร และนายกิตติกร เทพอยู่อำนวย ปภ.จ.ชุมพร และเจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้องคอยอำนวยความสะดวกในการจัดการเคลื่อนย้ายศพและตรวจสอบเรื่องสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับเงินประกันภัย พรบ.และสิทธิอื่นๆที่จะได้รับ ให้แก่ญาติด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนเคลื่อนย้ายศพทั้งหมดกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณียังภูมิลำเนา ทางญาติๆผู้เสียชีวิตได้ขอให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ อำนวยความสะดวกนำไปทำพิธีสวดมนต์เชิญดวงวิญญาณและกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย ยังจุดเกิดเหตุบริเวณต้นไม้ใหญ่ในร่องกลางถนนที่ถูกรถตู้พุ่งชน ได้กลับไปยังภูมิลำเนาถิ่นที่อยู่อาศัย โดยได้นิมนต์ พระสมพงษ์ สะมะวังโส จากวัดเจ้าฟ้าศาลาลอยมาทำพิธีสวดเชิญดวงวิญญาณ ซึ่งบรรยากาศในพิธีเป็นไปด้วยความเศร้าโศก

สำหรับสภาพพื้นที่จุดเกิดเหตุเป็นทางตรงอยู่ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำสวีประมาณ 300 เมตร ยังมีข้าวของเครื่องใช้ หมวก เสื้อผ้า รองเท้า กระจายเกลื่อนอยู่ในร่องกลางถนน นอกจากนั้นยังมีร่องรอยจากการเกิดอุบัติเหตุล้อยางรถยนต์เสียหลักพุ่งลงจากบนถนนเลนขวาลงไปในพงหญ้าร่องกลางถนนเป็นทางยาวประมาณ 30 เมตร ก่อนจะไปชนกันต้นไม้ขนาดใหญ่จนเปลือกไม้หลุดออกทั้งแทบ แล้วรถแฉลบไปชนกับต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นที่ 2 ซึ่งห่างกันประมาณ 10 เมตร จนรถยุบพังเสียหายทั้งคันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ และบาดเจ็บสาหัส 5 รายดังกล่าว

หลังจากเสร็จพิธีเชิญดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ศพ ญาติๆ ได้เดินทางไปรับศพผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนาเพื่อนำศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี โดยใช้รถยนต์ของมูลนิธิฯในการเคลื่อนย้ายศพ ซึ่งทางกรมเจ้าท่าเป็นผู้อำนวยความสะออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้กับญาติผู้เสียชีวิตทั้งหมด

นางสายฝน อายุ 53 ปี ภรรยาของ นายปรีชา วะโตเจียม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเจ้าพนักงานเดินเรือชำนาญงาน 1 ในผู้เสียชีวิตกล่าวว่า สามีตนรับราชการอยู่ที่กรมเจ้าท่ามานานหลายปีแล้ว ปัจจุบันมีลูกสาว 2 คนมีครอบครัวแล้ว สามีตนได้ไปทำงานประจำอยู่ที่เรือขุดใน จ.ภูเก็ต เมื่อทำงานครบ 15 วัน ก็จะผลัดเปลี่ยนกำลังกันกลับบ้าน 1 ครั้ง

นางฝนกล่าวว่าสามีตนเป็นเสาหลักของครับครัวเป็นคนดีไม่สูบบุหรี่ไม่ดื่มเหล้า ก่อนจะเดินทางไปทำงานประจำเรือขุดที่ จ.ภูเก็ต เหมือนมีลางสังหรณ์เนื่องจากสามีได้หอมแก้มตน หอมแก้มลูกสาว และหลานสาว พร้อมกับพูดว่า “ลาก่อนนะ” แล้วก็ออกเดินออกไปเลย ตนได้คิดอยู่ในใจคนเดียวว่าทำไมสามีทำแบบนี้เหมือนเป็นลาง เพราะปกติสามีตนไปทำงานอยู่ที่เรือขุดไปๆ มาๆ อยู่เป็นประจำไม่เคยหอมแก้มลูกเมียและหลานเลย แล้วยังเอ่ยปากบอกลาแบบนี้อีก จนกระทั่งมาทำงานเมื่อครบกำหนดต้องกลับบ้านก็มาเกิดอุบัติเสียชีวิตดังกล่าวขึ้น

ด้านนายกิตติกร เทพอยู่อำนวย ปภ.จังหวัดชุมพร กล่าวว่าขอฝากเตือนไปถึงผู้ใช้รถใช้ถนนโดยเฉพาะคนขับรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์โดยสาร การเดินทางช่วงระหว่าง จ.ชุมพร กับ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่ง 2 จังหวัดนี้ เป็นถนนสายหลักสู่ภาคใต้ ทั้ง 2 จังหวัดมีความยาวของถนนรวมกันมากกว่า 400 กิโลเมตร จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนจำนวนมาก ดังนั้นคนขับรถทุกคนควรจะแวะพักตามจุดพักริมทางหรือปั้มน้ำมันทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เหนื่อยล้าเกิดความอ่อนเพลียและจะทำให้หลับในได้ ส่วนกรณีนี้ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด จึงต้องรอผลการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ทาง ร.ต.อ.มาโนช ปลอดขันเงิน รอง สว.(สอบสวน)สภ.สวี เจ้าของคดียังไม่สรุปว่าเกิดจากสาเหตุใด เพราะผู้โดยสารที่มากับรถตู้ทุกคนนั่งหลับกันมาหมดไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ จึงต้องรอตรวจสอบหลักฐานอย่างละเอียด เนื่องจากที่เกิดเหตุไม่มีคู่กรณี ไม่มีรอยเบรก และที่เกิดเหตุไม่มีเศษชิ้นส่วนของล้อยางระเบิด หรือรอยไหม้ดำใดๆบนถนน มีแต่รอยล้อรถตู้วิ่งลงไปในพงหญ้าร่องกลางถนนชนกับต้นไม้จนรถพังเสียหายยับเยิน ส่วนคนขับคือ นายเดช จวนชัยนาท อายุ 59 ปี ขณะนี้ยังอยู่ในอาการโคม่าต้องเจาะสายยางดูดเลือดตกค้างภายในออก สมองได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง ไม่สามารถพูดให้การใดๆ ได้ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ส่วนผู้บาดเจ็บรายอื่นๆอีก 4 ราย อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook