25 ส.ส.ปชป. ออกโรงค้านรถเมล์ฉาวสุดตัว
25 ส.ส.ปชป. ออกโรงค้านรถเมล์ฉาวสุดตัว ชี้เป็นการปล้นชาติแบบเอิกเกริก เชื่อหากไฟเขียวรัฐบาลถึงยุคเสื่อมแน่
ที่รัฐสภา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ และ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ แถลงคัดค้าน โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ซึ่งมีมูลค่า 60,000 กว่าล้านเป็นเวลา 10 ปี โดยนายสมเกียรติ กล่าวว่ากลุ่มส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ประมาณ 25 คนจะไม่ยอมให้ประเทศชาติถูกปล้นในโครงการเช่ารถมาซ่อม และผลาญเงินไปกว่า 60,000 กว่าล้าน โดยพวกตนจะทำทุกวิถีทาง รวมถึงร่วมมือกับส.ว.เพื่อไม่ให้มีการปล้นชาติอย่างเอิกเกริกโดยผ่านอำนาจจากฝ่ายบริหาร ซึ่งนายกฯ จะต้องตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะยินยอมให้ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยื้อเวลาออกไปหรือไม่ หรือนายกฯ จะตัดสินใจยุติโครงการดังกล่าวเอง
นอกจากนี้ นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นคนที่เอาข้อมูลไปให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอภิปรายบนเวทีเป็นครั้งแรก ดังนั้นหวังว่าท่านจะไม่ลืมเรื่องนี้เพราะท่านเป็นคนเอาข้อมูลมาให้พันธมิตรฯ เอง และรัฐบาลนี้จะยอมเป็นรัฐบาลของประชาชนหรือรัฐบาลของใคร ซึ่งหากรัฐบาลอนุมัติก็ถือว่าเป็นความผิดบังเกิดแล้ว
ด้านนายชาญชัย กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้เริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องนี้ และยังเป็นข้อมูลสาธารณะที่ทุกคนรู้หมดแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความเห็น อย่างไร ซึ่งนายกฯ ก็ยืนยันว่าความเห็นของนายกฯ ได้บันทึกไว้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว หากย้อนกลับไปดูก็จะเห็น นอกจากนี้นายถาวร ก็เป็นคนอภิปรายเรื่องนี้และมีข้อมูลทั้งหมด ดังนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะเอื้อประโยชน์ให้กับภาคเอกชน และพบว่าหากโครงการดังกล่าวไม่ผ่านก็จะต้องมีคนคืนเงิน 2,000 ล้าน นอกจากนี้ที่อ้างว่าขสมก.จะต้องเช่ารถ 4,000 คันมาวิ่งเพื่อจ่ายหนี้กว่า 70,000 ล้านบาท จะยิ่งเป็นการสร้างหนี้เพิ่มมากขึ้นเป็นแสนกว่าล้าน พร้อมทั้งมีการตั้งค่าซ่อมบำรุง 2,250 บาท ต่อวันต่อคันเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งรวมแล้วเป็นเงิน 32,000 กว่าล้านบาท แบบนี้จะเช่ารถมาเพื่อซ่อมใช่หรือไม่
นายชาญชัย กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลยังปล่อยให้โครงการผ่านไปรัฐบาลก็จะเสื่อมเอง ไม่ใช่เสื่อมเฉพาะการเมือง แต่เสื่อมทางปัญญาด้วย ซึ่งขณะนี้ยืนยันได้ว่ามีข้าราชการกลุ่มหนึ่ง นักการเมืองกลุ่มหนึ่ง และเอกชนกลุ่มหนึ่งร่วมกันกระทำการทุจริตมหาศาล หากรัฐบาลทำสิ่งที่ถูกต้องก็จะไม่ทำให้เสียเสถียรภาพ แต่รัฐบาลจะยังอยู่อีกนาน ซึ่งเรื่องนี้หากรัฐบาลดำเนินการต่อก็จะเป็นเรื่องความเสื่อมของรัฐบาลเอง แต่ไม่เกี่ยวกับส.ส.เพราะส.ส.ได้ออกมาคัดค้านแล้ว และเรื่องนี้แม้ครม.จะอนุมัติแต่ยังไม่ลงมือทำก็ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว เทียบเคียงได้กับกรณีรถไฟฟ้าที่ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดว่าได้มีการล๊อกสเป๊ค ซึ่งผิดพ.ร.บ.ฮั้ว ดังนั้นจึงขอเตือนเรื่องรถเมล์ 4,000 คัน