จ่อโดนข้อหาหนัก 4 นายพราน แอบขึ้นดอยพระบาท ล่ากระรอกบินสัตว์คุ้มครอง
นายพรานล่ากระจอกบิน สัตวคุ้มครอง จ่อโดน 3 ข้อหาหนัก ฐานผิด พ.ร.บ.สัตว์ป่าและเสพสารเสพติด อีกทั้งยังฝ่าฝืนประกาศห้ามเข้าป่าดอยพระบาท โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งหมดสารภาพจะเอาไปทำกับข้าว
ภายหลังจากที่ชุดปฎิบัติการเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าดอยพระบาทที่ 2 ฉก.2 ท้องที่บ้านอิ่วเมี่ยน-บ้านวังหลวง ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นด่านตรวจป้องกันคนเข้าป่า เพื่อล่าสัตว์ และจุดไฟเผาป่า ในการป้องกันไฟไหม้ป่าตามแนวเทือกเขาดอยพระบาท นายอิศเรศ จิรารัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมควบคุมไฟป่าภาคกลาง หรือผู้อำนวยการชุดเหยี่ยวไฟ ในการดับไฟป่าใน จ.ลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 32 ลำปาง พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปาง ที่ตั้งด่านตรวจบริเวณดังกล่าว
ต่อมาได้พบรถกระบะโตโยต้า มี นายสันติ ชาว จ.เชียงใหม่ พร้อมพวกอีก 3 คน รวมเป็น 4 คน ได้ขับรถคันดังกล่าวออกมาจากพื้นที่ป่าแนวเทือกเขาดอยพระบาท เขตอุทยานแห่งชาติเขลางค์บรรพต ทางเจ้าหน้าที่จึงให้สัญญาณหยุดรถและขอตรวจค้น ก่อนจะตรวจพบปืนยาวอัดลม 2 กระบอก พร้อมซากสัตว์เป็นกระรอกบินเล็กแก้มขาว จำนวน 9 ตัว
ผู้ต้องหาทั้งหมดได้สารภาพว่า ได้เดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ เพื่อตั้งใจเดือนมาล่าสัตว์ป่าในพื้นที่เทือกเขาดอยพระบาท โดยมาตั้งแต่ช่วงเช้าและเข้าไปล่าสัตว์ ได้เป็นกระรอกบินเล็กแก้มขาว จำนวน 9 ตัว และเมื่อจะถึงช่วงเย็นแล้ว ก็ขับรถกลับบ้านพักใน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง และจะนำซากทั้งหมดไปประกอบอาหาร แต่ก็มาเจอด่านตรวจดังกล่าว
นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังได้ทำการตรวจหาสารเสพติด ก็พบว่า 3 ใน 4 คน มีปัสสาวะสีม่วงด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป แต่ในเบื้องต้นได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง อ.เมือง จ.ลำปาง ดำเนินคดีตามกฏหมายในข้อหาฝ่าฝืนประกาศระเบียบจังหวัด เข้าป่าดอยพระบาท โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาผิด พ.ร.บ.สัตว์ป่าคุ้มครองปี 2535 เนื่องจากกระรอกบินเล็กแก้มขาวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืน
ส่วนผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง เจ้าหน้าที่ตำรวจยังรอผลตรวจที่แท้จริง และได้เตรียมแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษไว้แล้วด้วย
ส่วนข้อหา พ.ร.บ.สัตว์ป่าคุ้มครองปี 2535 โดยเฉพาะอัตราโทษสูงสุด ของการล่าสัตว์ป่าสงวน, สัตว์ป่าคุ้มครอง ตลอดจนมีสัตว์ป่าสงวน, สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือมีซากไว้ในครอบครอง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีล่าสัตว์ป่าใดๆ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ